(VOVworld)-  การประชุมเจ้าหน้าที่ทั่วประเทศว่าด้วยการศึกษาและปฏิบัติมติของที่ประชุมครั้งที่4คณะกรรมการกลางพรรคสมัยที่11ภายใต้หัวข้อ ปัญหาที่เร่งด่วนเกี่ยวกับการพัฒนาองค์กรพรรคในปัจจุบัน ได้เสร็จสิ้นลงภายหลังดำเนินการประชุมมาเป็นเวลา2วัน ท่านเหงวียนฟู๊จ๋องเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้กล่าวปราศรัยปิดประชุมโดยยืนยันว่า จากการแสดงความเห็นในการหารือครั้งต่างๆรวมกว่า680ความเห็นได้สะท้อนให้เห็นถึงความเห็นพ้องต้องกันในความหมาย ความจำเป็นและบทบาทของมติดังกล่าว รวมทั้งทำความเข้าใจในทัศนะและจุดยืนการชี้นำ มาตรการและความตั้งใจอันแน่วแน่ในการปฏิบัติมตินี้ให้ประสบความสำเร็จ   ถ้ามีความตั้งใจอันแน่วแน่แล้วก็ต้องทำให้ได้ ยากเท่าไหร่ก็ต้องพยายามทำจนสำเร็จ ซึ่งก็เป็นเจตนารมณ์ของกรมการเมือง เพราะถ้าทำได้ไม่ดีก็จะเป็นภัยคุกคามต่อพรรคและระบอบ หวังว่าผู้แทนทุกท่านจะซาบซึ้งในสิ่งนี้และเผยแพร่ให้เจ้าหน้าที่รับทราบด้วย ประชาชนกำลังให้ความสนับสนุนและสนใจติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด.

            เลขาธิการใหญ่เหงวียนฟู๊จ๋องยังย้ำถึงปัญหาต่างๆที่ต้องสร้างจิตสำนึกที่สมบูรณ์เพื่อเอื้อให้แก่การปฏิบัติมติของที่ประชุมคณะกรรมการกลางพรรคครั้งที่4คือ งานด้านการประชาสัมพันธ์ต้องได้รับการส่งเสริมอย่างกว้างขวางและมีภาวะวิสัย ทางกรมการเมืองจะอาศัยตามความเห็นของบรรดาผู้แทนเพื่อพิจารณาปรับปรุงแผนการ แนวทางและมาตรการปฏิบัติให้มีความสอดคล้อง ดังนั้นต้องให้ความสนใจแก้ไข3ประเด็นหลักที่ระบุในมติคือ  สมาชิกพรรคแต่ละคนต้องรู้จักทำการวิจารณ์ตนเอง ครอบครัวและสำนักงาน โดยเรียกร้องให้ทุกคนทำด้วยความสมัครใจไม่ต้องรอให้ถึงการเปิดประชุมหรือมีระเบียบการแนะนำ ซึ่งตั้งแต่บัดนี้เราต้องคิดดูว่า สิ่งที่ตนเองทำอยู่นั้นเป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือไม่และทำด้วยจิตใจโปร่งใสหรือไม่ ถ้าสามารถปรับตัวเองได้เองก็เป็นสิ่งที่ดีเยี่ยมเพราะจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นที่ลึกซึ้งและยั่งยืนให้แก่ประชาชน.

            ท่านเลขาธิการใหญ่ยังเสนอให้พรรคและรัฐให้ความสนใจต่องานด้านเจ้าหน้าที่มากขึ้น โดยเฉพาะต้องมีระเบียบการในการคัดเลือกที่มีภาวะวิสัยและมีวิทยาศาสตร์เพื่อที่จะเลือกเจ้าหน้าที่มีความเพียบพร้อมมาทำงาน โดยกรมการเมืองจะรับหน้าที่ในการชี้นำ ตรวจสอบและผลักดันการปฏิบัติมติดังกล่าวและหลังการประชุมนี้ สมาชิกพรรคทุกคนจะมีพลังขับเคลื่อนใหม่ในการปฏิบัติมติเพื่อให้เจ้าหน้าที่สมาชิกพรรคแต่ละคนมีความก้าวหน้ามากขึ้น องค์กรพรรคมีความสามัคคีและเข้มแข็งยิ่งขึ้นและความสัมพันธ์ระหว่างพรรคกับประชาชนนับวันมีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น./.