เช้าวันที่ 14 พฤษภาคม ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไทยทั่วประเทศได้เดินทางไปยังเขตเลือกตั้ง 400 เขตเพื่อเข้าร่วมการเลือกตั้งทั่วไป โดยที่หน่วยเลือกตั้ง 95,000 แห่งได้เริ่มเปิดหีบตั้งแต่เวลา 8.00 น. และปิดลงคะแนนเสียงเวลา 17.00 น. ด้วยจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรวม 500 ที่นั่ง อยู่ที่กว่า 52 ล้านคน ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1946 โดยการเลือกตั้งทั่วไปของไทยในปีนี้จะเป็นการแข่งขันของ 6 พรรคการเมืองใหญ่ ได้แก่ พรรคเพื่อไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย และพรรคก้าวไกล 
ก่อนหน้านี้ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. ได้คาดการณ์ว่า จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ลงคะแนนเสียงอาจสูงถึงร้อยละ 85 โดยนายฐิติเชฏฐ์ นุฏนาฎ กรรมการการเลือกตั้ง ได้ยืนยันว่า กกต. จะค้ำประกันให้การเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้มีความยุติธรรม ส่วนนางสาวสุรณี ผลทวี รองเลขาธิการกกต. ได้เผยว่า กกต. จะประกาศผลเบื้องต้นเวลา 22.00 น. ในวันเดียวกัน

ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไทยกว่า 52 ล้านคนเข้าร่วมการเลือกตั้งทั่วไป

ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญไทย ระบุว่า พรรคการเมืองต้องคว้าที่นั่งอย่างน้อย 251 จาก 500 ที่นั่งในสภาเพื่อสามารถจัดตั้งรัฐบาล ส่วนผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต้องได้รับคะแนนเสียงอย่างน้อย 376 เสียงจากทั้งวุฒิสภาและสภาล่าง โดยผลสำรวต่างๆ ชี้ว่า ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล และพรรครวมไทยสร้างชาติคือตัวเต็งสำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป.