พิธีเปิดการประชุมอาเซม๙
|
การประชุมอาเซมครั้งที่๙(Photo:Internet) |
วันที่ ๕ พฤศจิกายน การประชุมผู้นำฟอรั่มความร่วมมือเอเชีย-ยุโรปครั้งที่ ๙ หรืออาเซม-๙ ได้เปิดขึ้น ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติของลาว นครหลวงเวียงจันทน์ โดยมีหัวข้อ “ เพื่อนมิตรเพื่อสันติภาพ และหุ้นส่วนเพื่อความเจริญรุ่งเรือง ” คณะผู้แทนเวียดนามโดยท่านเหงวียนเติ้นหยุงนายกฯเป็นหัวหน้าคณะได้เข้าร่วมการประชุมอย่างเป็นฝ่ายรุกด้วยความรับผิดชอบสูง โดยได้ร่วมกับบรรดาประมุข ผู้น้ำรัฐบาลประเทศสมาชิก คณะกรรมการยุโรปและคณะเลขาธิการอาเซียนได้มีการสนทนา หารือ วิเคราะห์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อกำหนดมาตรการที่มีลักษณะยุทธศาสตร์เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นและได้รับความสนใจของประเทศสมาชิกโดยเน้นพยายามฟื้นฟูเศรษฐกิจ การรับมือกับความท้าทายของโลก การธำรงสันติภาพ ความมั่นคง ความมีเสถียรภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาของอาเซมในอนาคต
ในการกล่าวปราศรัยในพิธีเปิดการประชุม ท่านชุมลี ชัยสอน เลขาธิการใหญ่และประธานประเทศลาว ได้ย้ำว่า การประชุมผู้นำอาเซมครั้งที่ ๙ มีความสำคัญยิ่งไม่เพียงแต่สำหรับความร่วมมือกับอาเซียนเท่านั้น หากยังมีส่วนร่วมต่อการเสริมสร้างแนวโน้มการสนทนา ความร่วมมือและความเชื่อมโยงระหว่างสองทวีปและโลก โดยเฉพาะในสภาวการณ์ ที่ทั้งสองภูมิและโลกมีการผันผวนดย่างรวดเร็วและซับซ้อน ส่วนในการกล่าวปราศรัยแสดงความยินดีต่อที่ประชุม ท่านทองสิง ธรรมวงศ์ นายกฯของลาวได้ยืนยันว่า ที่ประชุมอาเซมครั้งนี้จะเน้นแลกเปลี่ยนมาตรการที่สำคัญๆเพื่อขยายความร่วมมือของอาเซมในการธำรงสันติภาพ ความมีเสถียรภาพ การผลักดันการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการรับมือกับความท้าทายต่างๆในโลก
ภายหลังพิธีเปิดการประชุมอาเซม๙ บรรดาประมุขแห่งรัฐ ผู้นำรัฐบาล ประเทศสมาชิกอาเซม คณะกรรมการยุโรป และคณะเลขาธิการอาเซียนได้มีการประชุมครั้งแรกในหัวข้อ“ปัญหาเศรษฐกิจ การเงิน” ในการนี้ ท่านNguyễn Tấn Dũng นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้เสนอว่า อาเซมควรสร้างพลังขับเคลื่อนใหม่ให้แก่เสาหลักความร่วมมือเศรษฐกิจของฟอรั่มผ่านการประสานนโยบายเศรษฐกิจการเงิน และปฏิบัติ“แผนปฏิบัติการอำนวยความสะดวกให้แก่การค้า”และ“แผนปฏิบัติการส่งเสริมการลงทุน”ของอาเซมอย่างเข้มแข็งยิ่งขึ้น และเห็นว่า ในกระบวนการร่วมมือ อาเซมควรให้ความสนใจต่อปัญหาการพัฒนา โครงการเชื่อมโยงระดับภูมิภาคและระหว่างภูมิภาค ลดช่องว่างของการพัฒนาและสร้างความสมดุลย์ในด้านผลประโยชน์ระหว่างประเทศสมาชิกที่พัฒนาและกำลังพัฒนา บรรดาสมาชิกอาเซมควรผลักดันการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และร่วมมือกันในการปรับปรุงรูปแบบการขยายตัว การพัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะ ในด้านการเกษตรและการพัฒนาชนบท และย้ำว่า อาเซมควรให้การสนับสนุนและมีส่วนร่วมในการปรับปรุงกองทุนการเงินระหว่างประเทศและองค์การการเงินระหว่างประเทศต่างๆตามแนวทางแห่งความยุติธรรม ประชาธิปไตย มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ส่งเสริมบทบาทของเศรษฐกิจที่เกิดใหม่ และประเทศที่กำลังพัฒนา ท่านNguyễn Tấn Dũng ยังแสดงความตั้งใจของเวียดนามในการสร้างเสถียรภาพของเสรษฐกิจ ควบคุมเงินเฟ้อ ปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนให้ดีขึ้น ปรับปรุงรูปแบบการขยายตัว รักษาสวัสดิการสังคมและมีส่วนร่วมในความพยายามเพื่อการพัฒนาของภูมิภาคและโลก ในเช้าวันเดียวกัน ท่านNguyễn Tấn Dũng และผู้นำของทั้งสองทวีปได้เข้าร่วการสนทนากับตัวแทนฟอรั่มนักธุรกิจเอเชีย ยุโรป ครั้งที่๑๓ ในหัวข้อ “ให้ความสนใจต่อพื้นพิภพเพื่อพัฒนาการประกอบธุรกิจและเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในเอเชียและยุโรป” ในการพบปะกับชมรมนักธุรกิจ ท่านNguyễn Tấn Dũng ได้ยืนยันถึงแนวทางของเวียดนามคือ ผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างเข้มแข็งในเชิงรุก สร้างเสถียรภาพของเศรษฐกิจ ปรับปรุงรูปแบบการขยายตัว และเสนอให้บรรดานักธุรกิจมีส่วนร่วมให้แก่ความพยายามของรัฐบาลต่างๆ ขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าระหว่างทั้งสองทวีป ฟื้นฟูเศรษฐกิจและผลักดันความร่วมมือแบบหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐกับเอกชน
ภารกิจของท่านเหงวียนเติ้นหยุงนายกฯเวียดนาม ณ การประชุมผู้นำอาเซมครั้งที่ ๙
นอกรอบการประชุมสุดยอดอาเซมครั้งที่ 9 ณ กรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาว ท่าน NguyễnTấnDũng นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้มีการพบปะและเจรจาทวิภาคีกับบรรดาผู้นำของประเทศสมาชิกอาเซมที่มาเข้าร่วมการประชุมโดยในการพบปะกับประธานาธิบดีฝรั่งเศส ฟรองซัวส์ โอลลองด์ ผู้นำทั้งสองประเทศได้เห็นพ้องที่จะส่งเสริมการปฏิบัติโครงการความร่วมมือสำคัญๆโดยเร็ว โดยเฉพาะในด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การศึกษาฝึกอบรมและพลังงาน พร้อมทั้งชี้นำให้กระทรวงและหน่วยงานปฏิบัติโครงการปีเวียดนาม-ฝรั่งเศส 2013 เป็นอย่างดีเพื่อฉลองครบรอบ 40 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต นอกจากนั้น ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับการยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีพัฒนาขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่
ส่วนในการพบปะกับประธานาธิบดีบัลแกเรีย โรแซน แปลฟ เน ลี เอฟ ผู้นำบัลแกเรีย ได้แสดงความปรารถนาที่จะผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้พัฒนายิ่งขึ้น โดยเฉพาะความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การลงทุน การค้า พลังงาน การศึกษาฝึกอบรมและเภสัชภัณฑ์ เป็นต้น พร้อมทั้งเผยว่า ตนจะเดินทางมาเยือนเวียดนามในต้นปีหน้า
ในการพบปะระหว่างท่าน NguyễnTấnDũng นายกรัฐมนตรีเวียดนามกับท่าน ซูซีโล บัมบัง ยูโดโยโน ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ผู้นำทั้งสองท่านได้ยืนยันว่า จะส่งเสริมการเยือน การแลกเปลี่ยนและการพบปะระดับสุงต่อไปเพื่อผลักดันการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีงามในปัจจุบัน พร้อมทั้งเห็นพ้องกันว่า จะสั่งให้สำนักงานที่เกี่ยวข้องผลักดันการวิจัย การแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับเนื้อหาหุ้นส่วนยุธทศาสตร์เพื่อสร้างพื้นฐานให้แก่การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซียให้ขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ นอกจากนั้น ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนเกี่ยวกับการส่งเสริมความสามัคคีในอาเซียน มีความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์เกี่ยวกับจิตสำนึกต่อปัญหาร่วมของอาเซียน พยายามทำให้การจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนและการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้องที่จะมีขึ้นในเร็วๆนี้ประสบผลสำเร็จ./.
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายกฯเหงวียนเติ้นหยุงได้เข้าเยี่ยมคารวะท่านชุมลี ชัยสอน เลขาธิการใหญ่และประธานประเทศลาว ณ ทำเนียบประธานประเทศ โดยผู้นำทั้งสองประเทศได้เห็นว่า สองฝ่ายได้จัดการฉลองปีมิตรภาพเวียดนาม-ลาว๒๐๑๒ประสบความสำเร็จด้วยกิจกรรมต่างๆอย่างหลากหลายและคึกคัก อีกทั้งยืนยันถึงความสำคัญของความสัมพันธ์พิเศษระหว่างเวียดนามกับลาว อันเป็นการเพิ่มความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์แห่งสัมพันธไมตรีที่มีมาช้านานและเหนียวแน่นและความสามัคคีพิเศษกับความร่วมมือทุกด้านระหว่างสองประเทศให้แก่ประชาชนสองประเทศโดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ โอกาสนี้ ท่านเหงวียนเติ้นหยุงนายกฯได้แจ้งให้ทราบว่า จะสั่งการให้จังหวัดนคร เครือบริษัทและสถานประกอบการภาครัฐของเวียดนามขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนกับลาวยิ่งขึ้นเพื่อผลักดันความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและเสริมสร้างพื้นฐานความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับลาวให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้นในเวลาต่อไป ส่วนท่านชุมลี ชัยสอน เลขาธิการใหญ่และประธานประเทศลาวได้ยืนยันว่า ลาวจะอำนวยเงื่อนไขที่สะดวกให้แก่โครงการต่างๆระหว่างสองประเทศให้ดำเนินตรงตามกำหนดและมีคุณภาพสูง บ่ายวันเดียวกัน ท่านเหงวียนเติ้งหยุงนายกฯพร้อมด้วยคณะผู้แทนระดับสูงของเวียดนามได้ไปเยือนสถานทูตเวียดนามประจำประเทศลาว โดยได้แจ้งให้ทราบสถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมของประเทศ พร้อมทั้งกำชับให้ทางสถานทูตดำเนินงานด้านการทูตเพื่อเศรษฐกิจอย่างแข็งขันยิ่งขึ้น เพื่อสนับสนุนสถานประกอบการของทั้งสองประเทศให้ขยายความร่วมมือลงทุน การดูแลชุมชนชาวเวียดนามที่อาศัยในประเทศลาวหรืองานด้านกงสุลและการทูตทางวัฒนธรรมในพื้นที่เป็นอย่างดี ./.