ท่าน Nguyễn Xuân Phúc รองนายกรัฐมนตรีเวียดนามหารือกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น (VNplus)

(VOV) – ตามคำเชิญของรัฐบาลญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม คณะผู้แทนระดับสูงเวียดนาม นำโดยท่าน Nguyễn Xuân Phúc รองนายกรัฐมนตรีเวียดนามได้เดินทางถึงกรุงโตเกียวเพื่อเริ่มการเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ ในการพบปะกับนาย โยชิฮิโกะโนดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเมื่อบ่ายวันที่ 1 ที่ผ่านมา ท่าน Nguyễn Xuân Phúc ได้กล่าวยกย่องรัฐบาลญี่ปุ่นที่ได้สงวนเงินโอดีเอในระดับสูงให้แก่เวียดนามในปีงบประมาณ 2011  โดยให้คำมั่นว่า จะใช้เงินโอดีเอดังกล่าวให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ในการนี้ นาย โยชิฮิโกะ โนดะและท่าน Nguyễn Xuân Phúc ได้เห็นพ้องกันว่า จะประสานงานอย่างใกล้ชิดเพื่อปฏิบัติข้อตกลงของผู้นำระดับสูงให้มีประสิทธิภาพและจัดปีมิตรภาพเวียดนาม – ญี่ปุ่น 2013ให้ประสบความสำเร็จเนื่องในโอกาสรำลึกครบรอบ 40 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต  ส่วนนาย โยชิฮิโก โนดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ให้คำมั่นว่า จะสนับสนุนเวียดนามต่อไปผ่านการสงวนเงินโอดีเอ  เกี่ยวกับปัญหาทะเลตะวันออก นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้สนับสนุนจุดยืนของเวียดนามในการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ การเดินเรืออย่างเสรีและปลอดภัยในทะเลตะวันออก แก้ไขการพิพาทด้วยสันติวิธีและตามกฏหมายสากล โดยเฉพาะอนุสัญญาเกี่ยวกับกฏหมายทะเลปี 1982 ของสหประชาชาติ  ในบ่ายวันเดียวกัน ท่าน Nguyễn Xuân Phúc ได้ไปเยือนสถานทูตเวียดนามประจำญี่ปุ่นและพบปะกับชมรมชาวเวียดนามที่อาศัยในประเทศญี่ปุ่น.
ในกรอบการเยือนญี่ปุ่น ท่าน Nguyễn Xuân Phúc รองนายกรัฐมนตรีเวียดนามได้เดินทางไปเยือนสำนักงานองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่นหรือไจก้าและเข้าร่วมการเสวนาเวียดนาม ญี่ปุ่นเกี่ยวกับการปฏิรูปด้านกฏหมายและตุลาการ ในการให้การต้อนรับท่านNguyễn Xuân Phúc นายHideaki Domichiรองประธานประจำไจก้าเห็นว่า ความร่วมมือด้านกฏหมายและตุลาการระหว่างสองฝ่ายมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งดังนั้นฝ่ายญี่ปุ่นจึงได้จัดนักวิชาการที่เชี่ยวชาญในด้านนี้ ถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับเวียดนามและเสนอให้รัฐบาลญี่ปุ่นเพิ่มจำนวนเงินทุนช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาให้แก่เวียดนาม  ในการเสวนาดังกล่าว ท่าน Nguyễn Xuân Phúcกล่าวว่า การเสวนาเป็นกิจกรรมทางวิชาชีพครั้งแรกในกรอบของการเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นอย่างการของคณะผู้แทนระดับสูงรัฐบาลเวียดนาม เวียดนามมีความประสงค์ที่จะเรียนรู้ประสบการณ์จากญี่ปุ่นในกระบวนการปรับปรุงระบบกฏหมายให้มีความสมบุรณ์ ./.