ภาพการประชุม

กาปรระชุมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความสัมพันธ์ทวิภาคีในเวลาที่ผ่านมา กำหนดแนวทางความร่วมมือในอนาคต รวมทั้งเตรียมให้แก่การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาเซียน-อียูในเดือนสิงหาคมและกำหนดกิจกรรมรำลึกครบรอบ 40 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์คู่เจรจาระหว่างอาเซียนกับอียู โดยอียูได้ยืนยันถึงความตั้งใจที่จะผลักดันลัทธิพหุภาคี ความเชื่อมโยงในภูมิภาค โดยเฉพาะการกระชับความร่วมมือกับอาเซียนให้พัฒนาตามส่วนลึก พร้อมทั้งแสดงความประสงค์ว่า จะยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับอียูให้เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์และเข้าร่วมกลไกต่างๆของอาเซียนในเชิงลึกและให้คำมั่นว่า จะผลักดันการเจรจาและลงนามข้อตกลงการค้าเสรีกับประเทศสมาชิกอาเซียน โดยก่อนอื่นคือ สิงคโปร์ เวียดนามและกำลังวางแผนเจรจากับไทยและอินโดนีเซียเพื่อขยายความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนทวิภาคีและมุ่งสู่การลงนามข้อตกลงเอฟทีเอระหว่างอาเซียนกับอียู ส่วนอาเซียนมีความประสงค์ว่า ทั้ง 2 ฝ่ายจะเสร็จสิ้นการจัดทำแผนปฏิบัติการระยะปี 2018 – 2022 เพื่อสร้างกรอบการผลักดันความร่วมมือในทุกด้านระหว่าง 2 ฝ่าย พร้อมทั้งเสนอให้อียูมีโครงการสนับสนุนสถานประกอบการขนาดกลาง ขนาดย่อมและขนาดจิ๋ว ความเชื่อมโยงในภูมิภาค การลดช่องว่างการพัฒนาและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง

ส่วนฝ่ายอียูได้ยืนยันถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยในการเดินเรือและการบินในทะเลตะวันออก ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าร้อยละ 40ของอียู การแก้ไขปัญหาการพิพาทด้วยสันติวิธีบนพื้นฐานการให้ความเคารพกฎหมายสากล รวมถึงอนุสัญญาสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 และอียูพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในด้านนี้

ส่วนในการกล่าวปราศรัยในการประชุม นาย เหงวียนก๊วกหยุง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศและหัวหน้าคณะผู้แทนเวียดนามได้ยืนยันว่า เวียดนามให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับอียู พร้อมทั้งสนับสนุนจุดยืนของอาเซียนและอียูเกี่ยวกับความร่วมมือผลักดันลัทธิพหุภาคี ความเชื่อมโยงในภูมิภาค การเปิดการค้าเสรีและการเชิดชูการบังคับใช้กฎหมายสากล ตลอดจนกล่าวถึงทัศนะของเวียดนามในปัญหาทะเลตะวันออกและเสนอให้อียูสนับสนุนความพยายามแก้ไขปัญหาการพิพาทด้วยสันติวิธีบนพื้นฐานของกฎหมายสากล กระบวนการทางการทูตและกฎหมาย ผลักดันการปฏิบัติแถลงการณ์เกี่ยวกับการปฏิบัติต่อกัน ของทุกฝ่ายในทะเลตะวันออกหรือดีโอซี และมุ่งสู่การจัดทำร่างระเบียบการปฏิบัติต่อกันในทะเลตะวันออกหรือซีโอซีโดยเร็ว .