การประชุมประจำเดือนสิงหาคมของรัฐบาล

โดยเศรษฐกิจมหภาคมีการฟื้นตัวค่อนข้างดี สามารถควบคุมภาวะเงินเฟ้อ ดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.92 การขยายตัวด้านการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 การท่องเที่ยวพัฒนาอย่างเข้มแข็งและเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศบรรลุกว่า 2 หมื่น 3 พัน 3 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ ถ้าหากเดือนต่อๆไปยังคงบรรลุผลงานเหมือนเดือนสิงหาคม มีความเป็นไปได้สูงที่จะบรรลุเป้าหมายที่ได้วางไว้ในปี 2017 นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรียังย้ำถึงอุปสรรคด้านระเบียบราชการ และสั่งให้กระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต่างๆต้องเน้นแก้ไขปัญหานี้ในเดือนกันยายน สำหรับหน้าที่ในเวลาที่จะถึง นายกรัฐมนตรีเสนอให้กระทรวงและท้องถิ่นต่างๆปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนและประกอบธุรกิจต่อไปเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การผลิตและการขยายตัว กระทรวงการคลังประหยัดค่าใช้จ่ายเพื่อสร้างพลังขับเคลื่อนให้แก่การขยายตัวในปี 2018 ควบคู่กันนั้นคือการชลอการเพิ่มภาษีและค่าธรรมเนียมต่างๆ “บนเจตนารมณ์ของปีนี้คือเป็นปีลดภาษี ค่าธรรมเนียม ดังนั้นยังไม่พูดถึงการเพิ่มภาษีและค่าธรรมเนียมที่ส่งผลกระทบต่อสถานประกอบการ บรรยากาศการลงทุนและประกอบธุรกิจ สำหรับการเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม ต้องมีการวิเคราะห์ผลกระทบ วิธีการปฏิบัติ เงื่อนไขที่เป็นรูปธรรมเพื่อให้ประชาชนเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบ ช่วงเวลาที่เหมาะสมและกระบวนการที่ชัดเจน”

ในการกล่าวปราศรัยสรุปการประชุม นายกรัฐมนตรีได้แสดงความเห็นว่า ต้องตั้งเป้าไว้ว่า การขยายตัวจีดีพีในปี 2018 จะอยู่ที่ร้อยละ 6.5 บวกกับการผลักดับการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขยายตัว เพิ่มผลผลิตและคุณภาพ รวมทั้งขีดความสามารถในการแข่งขันจะช่วยส่งเสริมให้เศรษฐกิจเวียดนามพัฒนาอย่างยั่งยืนในปีต่อๆไป

สำหรับปัญหาสังคม ต้องให้ความสนใจถึงสถานการณ์ปีการศึกษาใหม่ โดยเฉพาะเขตที่อยู่ห่างไกลความเจริญและเขตที่ประสบอุทกภัย

ในการประชุม ทางกระทรวงวางแผนและการลงทุนได้เผยว่า ได้บรรลุ 13 มาตรฐานการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมที่รัฐสภาได้มอบหมาย โดยที่น่าสนใจคือมูลค่าการส่งออกได้เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า คือร้อยละ 14.4 ภเมื่อเทียบกับเป้าหมายที่วางไว้คือตั้งแต่ร้อยละ 6-7.