ทหารปลดปล่อยยึดทำเนียบเอกราช ( ภาพจากแฟม )

( VOVworld )- ชัยชนะวันที่ ๓๐ เมษายนค.ศ. ๑๙๗๕ เป็นเครื่องหมายทองในประวัติศาสตร์การสร้างและปกป้องประเทศของชาวเวียดนาม เป็นสัญลักษณ์อันดีเลิศแห่งลัทธิวีรภาพปฏิวัติเวียดนาม เป็นจุดสุดยอดแห่งจิตใจอันมุ่งมั่นและสติปัญญาเวียดนาม  สงครามต่อต้านสหรัฐอเมริกาของชาวเวียดนาม โดยเฉพาะจิตใจแห่งการสู้รบอย่างกล้าหาญของทหารและประชาชนเวียดนามได้รับความสนใจจากประชาชนชาวโลก  นายเดียเตอร์ เสตเชอ อาจารย์มหาวิทยาลัยมอนตรีล แคนาดาที่เคยเข้าร่วมการเดินขบวนประท้วงสงครามในเวียดนามเมื่อเป็นนักศึกษาเผยว่า  “ ผมติดตามข่าวสงครามเวียดนามมาตลอด และได้รับข่าวเกี่ยวกับความล้มหายตายจากในรายการข่าว๖ โมงเช้า  ชาวเวียดนามและอเมริกันหลายคนต้องเสียเลือดเนื้อและวัยหนุ่มสาวของตนในสมรภูมิ  ผมยังได้ประจักษ์แก่ตาตนเองเกี่ยวกับการสลายตัวของรัฐบาลไซ่ง่อนและผืนแผ่นดินเวียดนามได้รวมเป็นหนึ่งเดียว   ผมเชื่อว่า นี่เป็นสิ่งที่สมควรเกิดขึ้นและทหารอเมริกาไม่ควรแทรกแซงในเรื่องนี้ ”

ชาวไซ่ง่อนต้อนรับทหารปลดปล่อย ( ภาพจากแฟม )

ส่วนบีชอฟโทมาส กัมเบลตั้น ที่ได้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการสนับสนุนเหยื่อสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินเวียดนามหวนคิดถึงช่วงเวลาที่ท่านเข้าร่วมการเดินขบวนประท้วงสงครามของสหรัฐในเวียดนาม โดยกล่าวว่า  “ ประชาชนเวียดนามต้องทำการต่อสู้อย่างยาวนานเพื่อกอบกู้เอกราชมาให้แก่ประเทศชาติและในที่สุดพวกคุณสามารถทำได้ในสิ่งที่พวกคุณสมควรได้รับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ เมื่อปี ๑๙๔๕ ที่ทหารฝรั่งเศสออกจากเวียดนาม ซึ่งช่วงนั้นแหละน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของประเทศเวียดนามที่เอกราชและเป็นตัวของตัวเอง  อย่างไรก็ดี สหรัฐได้กีดขวางสิ่งนี้ไม่ให้เกิดขึ้น ดังนั้นพวกคุณต้องต่อสู้ต่อไป และในปี ๑๙๗๕ สงครามได้ยุติลง เวียดนามกลายเป็นประเทศที่มีเอกราชและเอกภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเชิดชูเป็นอย่างยิ่ง ”

ในช่วงเวลาร่วมสู้รบกับประชาชนเวียดนามอย่างดุเดือดยังมีเพื่อนๆชาวโซเวียด โปแลนด์และอินเดีย  ซึ่งความทรงจำเกี่ยวกับวันที่ ๓๐ เมษายนแห่งประวัติศาสตร์ก่อนหน้านี้ ๓๘ ปียังสถิตอยู่ในใจของนายวากลอส์ ผู้เชี่ยวชาญทางทหารของโปแลนด์ เขาคุยกับพวกเราว่า “ ผมได้เห็นใบหน้าแห่งความปิติยินดีและความอิ่มเอิบใจที่บอกไม่ถูกของชาวไซ่ง่อนที่รอต้อนรับทหารของกองทัพทหารปลดปล่อย ธงของทหารปลดปล่อยโบกสะบัดตามอาคารตึกและบ้านต่างๆของนครไซ่ง่อน  ชาวไซ่ง่อนจำนวนมากได้ออกสู่ท้องถนนต้อนรับทหารปลดปล่อย ”

ส่วนนาย จางจาแฉวง ผู้สื่อข่าวชาวจีนที่เคยทำงานในเวียดนามมาหลายปีได้เห็นว่า ประชาชนเวียดนามสมควรได้รับความเคารพนับถือจากชาวโลกและได้รับการยกย่อง  ความปิติยินดีของชาวเวียดนามในวันแห่งชัยชนะ๓๐ เมษายนคือความปิติยินดีของผู้ที่ใฝ่สันติภาพในโลก ./.