นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกกับนาง อองซานซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมาร์

ทั้ง 2 ฝ่ายได้เห็นพ้องกันว่า จะขยายความร่วมมือระหว่างกองทัพเรือ เสนารักษ์ อุตสาหกรรม กลาโหม โลจิสติก การกู้ภัย การบริหารชายแดน หน่วยข่าวกรอง การต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ การก่อการร้าย การลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายและการฟอกเงินระหว่าง 2 ประเทศ ไม่อนุญาตให้บุคคลและองค์กรใดๆใช้ดินแดนของตนเพื่อต่อต้านฝ่ายอื่น ส่งเสริมการเจรจาและลงนามข้อตกลงเกี่ยวกับการส่งผู้ร้ายข้ามแดน การแลกเปลี่ยนนักโทษ การปกป้องข้อมูลลับ กฎหมายและตุลาการ พร้อมทั้งหารือถึงแนวทางกระชับความร่วมมือด้านการเกษตร โทรคมนาคม การทำเหมืองแร่ พลังงานและการก่อสร้าง ทั้ง 2 ฝ่ายจะส่งเสริมความร่วมมือในฟอรั่มในภูมิภาคและโลก โดยเฉพาะในกรอบของสหประชาชาติ อาเซียนและกลไกคณะอนุกรรมต่างๆ เห็นพ้องเกี่ยวกับความสำคัญของการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพและความร่วมมือในทะเลตะวันออก การแก้ไขปัญหาการพิพาทด้วยสันติวิธีบนพื้นฐานการให้ความเคารพกฎหมายสากล รวมถึงอนุสัญญาสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 รักษาความมั่นคง ความปลอดภัย การเดินเรือและการบินอย่างเสรี ให้ความเคารพกระบวนการทางการทูตและกฎหมาย ไม่ใช้หรือข่มขู่ที่จะใช้กำลัง ให้คำมั่นปฏิบัติดีโอซีอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพและพยายามจัดทำซีโอซีอย่างจริงจังและมีข้อผูกมัดทางกฎหมาย

ส่วนนาง อองซานซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมาร์ได้ยืนยันว่า จะอำนวยความสะดวก ลดกำแพงกีดกัน ทางการค้าสำหรับสินค้าที่นำเข้าจากเวียดนาม ผลักดันการออกใบอนุญาตและมีนโยบายให้สิทธิพิเศษแก่นักลงทุนเวียดนาม อำนวยความสะดวกให้แก่สำนักงานตัวแทนและธนาคารเวียดนามในประเทศเมียนมาร์ ส่วนนายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้ชื่นชมข้อเสนอของเมียนมาร์เกี่ยวกับการตั้งเขตนิคมอุตสาหกรรมเวียดนามในเมียนมาร์ พร้อมทั้งยืนยันว่า รัฐบาลเวียดนามส่งเสริมและสนับสนุนให้สถานประกอบการเข้าไปลงทุนในเมียนมาร์ ซึ่งถือเป็นตลาดที่สำคัญในอนาคตและเชิญชวนสถานประกอบการเมียนมาร์เข้ามาลงทุนในเวียดนาม

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและนาง อองซานซูจี ได้เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามแผนการปฏิบัติความสัมพันธ์หุ้นส่วนร่วมมือในทุกด้านระยะปี 2019-2024 บันทึกช่วยจำเพื่อความเข้าใจเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการเกษตรและพัฒนาชนบท บันทึกช่วยจำเพื่อความเข้าใจเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม-เมียนมาร์และพิธีมอบเอกสารแก้ไขข้อตกลงยกเว้นวีซ่าให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของทั้ง 2 ประเทศ

ส่วนในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังการเจรจา นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้เผยว่า“จุดเด่นของความสัมพันธ์ทวิภาคีคือการค้าและการลงทุน โดยมูลค่าการค้าต่างตอบแทนได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2019 จะอยู่ที่ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและจะเพิ่มมากขึ้น เวียดนามมีโครงการลงทุนกว่า 20 โครงการในเมียนมาร์ พวกเราได้หารือถึงมาตรการกระชับความร่วมมือด้านการลงทุน กลาโหม ความมั่นคง การต่างประเทศ สนับสนุนกันในฟอรั่มในภูมิภาคและโลก สำหรับปัญหาทะเลตะวันออก  พวกเราได้หารือและสนับสนุนจุดยืนของอาเซียนในการสร้างสรรค์ทะเลตะวันออกแห่งสันติภาพ ปฏิบัติตามอนุสัญญาสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 เมียนมาร์สนับสนุนเวียดนามปฏิบัติหน้าที่ประธานอาเซียนปี 2020 และสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวาระปี 2020-2021”

นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกยังเผยว่า ได้เชิญนาง อองซานซูจี มาเยือนเวียดนาม พร้อมทั้งย้ำว่า เวียดนามจะร่วมกับประเทศอาเซียนในการสนับสนุนเมียนมาร์แก้ไขปัญหารัฐยะไข่อย่างสันติบนพื้นฐานของการไกล่เกลี่ย.