แถลงการณ์ร่วมเวียดนาม-เมียนมาร์

(VOVWORLD) - ในกรอบการเยือนเวียดนามของนาง อองซานซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมาร์ในระหว่างวันที่ 19-20 เมษายนตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ทั้งสองฝ่ายได้ออกแถลงการณ์ร่วม 
แถลงการณ์ร่วมเวียดนาม-เมียนมาร์ - ảnh 1นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ให้การต้อนรับนาง อองซานซูจี (vietnamplus) 

โดยได้แสดงความยินดีต่อความคืบหน้าของความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างสองประเทศในเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะการยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นเป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนร่วมมือในทุกด้านเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2017 ทั้งสองฝ่ายยืนยันที่จะผลักดันความร่วมมือในทุกด้านอย่างมีประสิทธิภาพ และย้ำว่า การแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทุกระดับและทุกช่องทางจะมีส่วนร่วมผลักดันสัมพันธไมตรีและความร่วมมือระหว่างสองประเทศ เห็นพ้องกันว่า ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดผ่านพรรคคือเสาหลักสำคัญของความสัมพันธ์ทวิภาคีและมีความประสงค์ที่จะลงนามโครงการปฏิบัติงานในช่วงปี 2018-2023 เพื่อปฏิบัติความสัมพันธ์หุ้นส่วนร่วมมือในทุกด้านที่ได้สถาปนาเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2017

ทั้งสองฝ่ายรับทราบก้าวพัฒนาที่เข้มแข็งของความสัมพันธ์ร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ โดยมูลค่าการค้าต่างตอบแทนเมื่อปี 2017 บรรลุเกือบ 830 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 51 เมื่อเทียบกับปี 2016 เวียดนามได้กลายเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่อันดับที่ 7 ของเมียนมาร์ โดยมี 17 โครงการ รวมยอดเงินทุนจดทะเบียนบรรลุเกือบ 2 พัน 1 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะพยายามบรรลุ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐโดยเร็ว ทั้งสองฝ่ายย้ำถึงความสำคัญของนโยบายการค้า การลงทุนและสร้างบรรยากาศที่สะดวกให้แก่นักลงทุนต่างชาติ รวมทั้งนักลงทุนเมียนมาร์และเวียดนาม

ทั้งสองฝ่ายชื่นชมก้าวพัฒนาในด้านความร่วมมือกลาโหมและความมั่นคง และยืนยันว่า จะปฏิบัติข้อตกลงที่ได้บรรลุในกรอบทวิภาคีและพหุภาคีอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะผลักดันความร่วมมือเพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านการเงิน ปรับปรุงความร่วมมือด้านการเงินให้มีความสมบูรณ์ ร่วมมืออย่างใกล้ชิดผ่านกลไกร่วมมือในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เช่น ความร่วมมือแม่โขง-ญี่ปุ่น แม่โขง-สาธารณรัฐเกาหลี แม่น้ำโขง-แม่น้ำคงคา  เวียดนามส่งเสริมให้เมียนมาร์กลายเป็นสมาชิกของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงหรือ MRC อย่างเป็นทางการโดยเร็ว ผู้นำทั้งสองประเทศให้คำมั่นที่จะร่วมมืออย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียนที่มีบทบาทเป็นศูนย์กลางในโครงสร้างความมั่นคงในภูมิภาคให้ประสบความสำเร็จ

ทั้งสองฝ่ายยืนยันถึงความสำคัญของการธำรงสันติภาพ เสถียรภาพ เสรีภาพในการเดินเรือและการบินในภูมิภาค.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด