สำนักงานใหญ่ของธนาคารโลกในกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐ (AFP)

ธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศคาดการณ์ว่า ประเทศกำลังพัฒนาอย่างเวียดนามจะฟื้นตัวที่เข้มแข็งมากขึ้นในเวลาที่จะถึงเมื่ออุปสรรคทางเศรษฐกิจโลกได้รับการแก้ไข โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศคาดการณ์ว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยอยู่ที่ประมาณร้อยละ 4.7 ในตลอดทั้งปี อัตราเงินเฟ้อจะได้รับการควบคุมให้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ธนาคารชาติเวียดนามวางไว้คือร้อยละ 4.5  และการเติบโตของเวียดนามอาจกลับมาฟื้นตัวในระดับสูงในระยะกลางเมื่อมีการปฏิรูปโครงสร้าง

นาง Michele Wee ผู้อำนวยการใหญ่ของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดเวียดนามเผยว่า ความได้เปรียบเกี่ยวกับแรงงาน การผสมผสานเข้ากับการค้าโลก ห่วงโซ่อุปทาน เสถียรภาพทางการเมืองและแหล่งพลังที่มีศักยภาพ บวกกับคำมั่นของรัฐบาลเกี่ยวกับการส่งเสริมการค้าและการเติบโตที่ยั่งยืนได้ช่วยให้เวียดนามบรรเทาผลกระทบจากอุปสรรคต่างๆ

ด้วยยอดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือ FDI ที่จดทะเบียนใหม่ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เวียดนามจึงเป็นจุดหมายปลายทางของเงินทุน FDI เนื่องจากแนวโน้มการเปลี่ยนย้ายการผลิต ข้อตกลงการค้าเสรีมากมาย ศักยภาพการเติบโตในระยะกลางที่สดใสที่เพิ่มขึ้น และระบบนิเวศอิเล็กทรอนิกส์พัฒนามากขึ้น นี่คือความคิดเห็นของธนาคาร DBS ที่มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ ในขณะเดียวกัน นาง Yun Liu นักเศรษฐศาสตร์เพื่อการวิจัยตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของธนาคาร HSBC ได้ประเมินว่า เศรษฐกิจของเวียดนามกำลังเป็นไปที่มีประสิทธิภาพกว่าหลายประเทศและยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดใจสำหรับการลงทุน FDI ในภาคการผลิต

ส่วนหนังสือพิมพ์ The Business Times ของสิงคโปร์รายงานว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลและภาคเอกชนได้ส่งเสริมการดึงดูดผู้ที่มีความสามารถอย่างเข้มแข็งเพื่อทำให้เวียดนามกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตเทคโนโลยีของภูมิภาค ซึ่งช่วยดึงดูดความสนใจของ “บริษัทยักษ์ใหญ่” ด้านเทคโนโลยีระดับโลกหลายแห่ง และกลุ่มบริษัทหลายแห่งได้เพิ่มการลงทุนในภาคเทคโนโลยีขั้นสูงของเวียดนาม.