สนามบิน Banyuwangi

เมื่อมองจากหน้าต่างของเครื่องบินในขณะกำลังลงจอด นักท่องเที่ยวจะมองเห็นรันเวย์ที่เต็มไปด้วยสีเขียวของทุ่งนาและทุ่งหญ้า สนามบิน Banyuwangi สามารถรองรับการจอดของเครื่องบินขนาดใหญ่เท่ากับเครื่องบินโบอิ้ง 737 รวม 9 เครื่อง ตัวอาคารผู้โดยสารมีสองชั้น หลังคาเป็นรูปทรงพิรามิด ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบของสถาปนิกท้องถิ่นโดยอาศัยต้นแบบจากหมวกพื้นเมืองของเผ่า Osing ในอำเภอ Banyuwangi

เวลา 11.00 น. พวกเราได้มาถึงสนามบินแห่งนี้แต่ยังได้สัมผัสกับลมทะเลและแสงแดดก็เห็นจากหน้าต่าง ซึ่งพวกเรารู้สึกประทับใจมาก สนามบิน Banyuwangi ได้ถูกออกแบบให้ประหยัดพลังงานมากกว่าสนามบินอื่นๆ  นาย อันตอน มาร์ทูลาส ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารของสนามบินฯเผยว่า “สนามบินของเรามีการออกแบบในลักษณะเปิด โดยใช้การไหลเวียนของอากาศแบบธรรมชาติ จึงไม่ต้องใช้เครื่องปรับอากาศและประหยัดพลังงานเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับสนามบินอื่นๆ โดยแต่ละปี เราจ่ายค่าไฟฟ้าประมาณ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น”

สนามบิน Banyuwangi ได้รับการขนานนามว่าเป็นสนามบินที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยอาคารผู้โดยสารมีพื้นที่ประมาณ 7,000 ตาราเมตร ซึ่งภายในมีการปลูกต้นไม้จำนวนมาก เช่น บนหลังคาและหน้าต่าง เป็นต้น รวมทั้งมีการจัดพื้นที่สูบบุหรี่และมีอ่างปลาจำนวนมาก ซึ่งช่วยให้สภาพอากาศในสนามบินสดชื่นอยู่เสมอ นอกจากนี้ วัสดุหลักที่ใช้ในการตกแต่งภายในอาคาร เช่น โต๊ะ หลังคา เสาและหน้าต่างล้วนใช้ไม้รีไซเคิล การตกแต่งแบบธรรมชาตินี้ได้สร้างความผ่อนคลายให้แก่นักท่องเที่ยว นางชีร์รา นักท่องเที่ยวจากกรุงจาการ์ตารู้สึกพอใจเป็นอย่างมากต่อการให้บริการของสนามบิน Banyuwangi            “นี่เป็นครั้งแรกที่ดิฉันใช้การบริการที่นี่ ซึ่งประทับใจที่ได้สัมผัสกับความเป็นธรรมชาติ ต้นไม้และบ่อน้ำที่สะอาดในขณะที่ check in ดูเหมือนว่า เรากำลังยืนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ สนามบินแห่งนี้มีความเป็นเอกลักษณ์และให้บริการดีมาก”

แต่ละปี ทางสนามบินฯ จ่ายค่าไฟฟ้าประมาณ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น

สนามบิน Banyuwangi รองรับเที่ยวบินที่บินตรงไปยังท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์และสนามบินในประเทศอีก 5 แห่ง ประกอบด้วย จาการ์ตา เกาะบาหลี เมืองบาลิกปาปัน เมืองบันจาร์มาซินและเมืองสุราบายา เมื่อปี 2018 ในแต่ละวัน สนามบินให้บริการเที่ยวบินทั้งหมด 12 สายและผู้โดยสารประมาณ 360,000 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 92 เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนนักท่องเที่ยวเมื่อไปเยือนเมือง Banyuwangi สามารถแวะเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆที่น่าสนใจ เช่น หุบเขา Ijjen ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาสองแห่งในโลกที่สามารถเห็นลาวาสีเขียวบริเวณปากปล่องหรือเล่นวินเซิร์ฟที่เกาะ G – land หรือ Boom beach นาย อับดุลเหลาะห์ อาสวาร์ อานัส ผู้ว่าการเมือง Banyuwangi ประเมินว่า          “Banyuwangi เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในอินโดนีเซีย ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวได้เพิ่มขึ้นจาก 400,000 เป็น 5.5 ล้านคน เป็นเมืองที่เงียบสงบ ไม่มีปัญหาภัยธรรมชาติและปลอดภัย ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยว เล่นน้ำทะเล ทานอาหารทะเลและผลไม้อร่อยๆ นอกจากนี้ Banyuwangi ยังมีเทศกาลต่างๆที่น่าสนใจ โดยแต่ละปีมีการจัดงานเทศกาลเกือบ 100 เทศกาล ซึ่งดึดดูดนักท่องเที่ยวทั้งภายในและต่างประเทศมให้มาศึกษาค้นคว้าเอกลักษณ์วัฒนธรรม”

ไม่เพียงแต่เอื้อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ แต่สนามบินที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Banyuwangi ยังมีส่วนร่วมสร้างชื่อเสียงให้แก่เมือง Banyuwangi เนื่องจากได้รับรางวัล “การพัฒนาการท่องเที่ยวยอดเยี่ยม” ขององค์การท่องเที่ยวโลกหรือ UNWTO และปัจจุบันนี้ บริเวณใกล้เคียงของสนามบิน Banyuwangi ได้ถูกห้ามทำการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆเพื่อรักษาบรรยากาศธรรมชาติที่เป็นมิตรของสนามบินให้ดีที่สุด.