นาย ทองสะหวัน พมวิหาร เอกอัครราชทูตลาวประจำเวียดนาม

ในการพบปะสังสรรค์ประจำปีที่จัดโดยสถานทูตลาว  อดีตผู้เชี่ยวชาญเวียดนามและทหารผ่านศึกที่เคยปฏิบัติหน้าที่ในลาวเกือบ100นายพร้อมนักศึกษาลาวประมาณ30คนที่กำลังศึกษาในกรุงฮานอยได้มีโอกาสพบปะสังสรรค์กัน  ซึ่งการพบปะสังสรรค์นี้ได้มีขึ้นในบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นมิตร นาย ทองสะหวัน พมวิหาร เอกอัครราชทูตลาวประจำเวียดนามได้ยืนยันถึงส่วนร่วมที่ยิ่งใหญ่ของอดีตผู้เชี่ยวชาญเวียดนามและทหารผ่านศึกต่อความสัมพันธ์ที่หายากเวียดนาม-ลาวในเวลาที่ผ่านมา “ความสัมพันธ์เวียดนาม-ลาวคือความสัมพันธ์มิตรภาพพิเศษและหายากในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งความสัมพันธ์นี้เกิดจากความเสียสละของประชาชนและทหารทั้งสองประเทศบนเจตนารมณ์แห่งความบริสุทธิ์และความรักประเทศ  ซึ่งกลายเป็นมรดกอันล้ำค่าที่คนรุ่นหลังต้องส่งเสริมต่อไป”

นาย ห่ามิงเติน หัวหน้าคณะกรรมการประสานงานแห่งสมาคมอดีตที่ปรึกษาด้านทหาร100 อดีตเจ้าหน้าที่ปฏิวัติที่เคยปฏิบัติหน้าที่ในประเทศลาวนับตั้งแต่ปี1954ที่แม้ผมจะหงอกตามวัยแต่ก็ยังคงดูแข็งแรง ซึ่งเหรียญอิสริยาภรณ์ต่างๆเป็นการแสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมของตัวเขาต่อเอกราชของทั้งสองประชาชาติ “ในตลอด38ปีที่ปฏิบัติหน้าที่ในประเทศลาว ผมได้มีโอกาสพบปะกับผู้นำประเทศลาว เช่น ท่าน  ไกสอน พมวิหารและท่าน คำไต สีพันดอน  นอกจากช่วยเหลือประชาชนลาวในการสร้างสรรค์แนวคิดทางการเมือง ผมยังช่วยเหลือเพื่อนๆชาวลาวในการเขียนหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และผู้นำของลาว  ผมได้รับมอบเหรียญอิสริยาภรณ์ต่างๆจากผู้นำลาว”

คุณ โงจ๋องเติ๊น อดีตเจ้าหน้าที่ของหน่วยเสนารักษ์ที่เคยปฏิบัติหน้าที่ในภาคกลางและภาคใต้ลาว

สงครามได้ผ่านพ้นไปแต่อดีตเจ้าหน้าที่ของหน่วยเสนารักษ์ยังกลับไปเยือนสมรภูมิเก่าและตรวจรักษาโรคให้แก่ประชาชนลาวในแขวงเชียงขวาง หลวงพระบาง เวียงจันทน์ บอลิคำไซ  สะหวันนะเขตและคำม่วน  คุณ โงจ๋องเติ๊น อดีตเจ้าหน้าที่ของหน่วยเสนารักษ์ที่เคยปฏิบัติหน้าที่ในภาคกลางและภาคใต้ลาวได้กล่าวถึงความทรงจำของตนในสมัยที่เป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยเสนารักษ์ในสนามรบภาคกลางและภาคใต้ลาวในช่วงปี1968-1972ว่า “ ความทรงจำของดิฉันคือหม้อข้าวต้มไก่  ในช่วงนั้น พวกเราประสบอุปสรรค ดิฉันเป็นเจ้าหน้าที่คนใหม่ ดิฉันได้นำเสื้อเชิ้ตไปแลกกับข้าว ปกติ ฉันจะแลกข้าวได้1กิโลกรัมแต่ไม่รู้ว่า ทำไมตอนนั้นถึงแลกได้3กิโลกรัมและไก่1ตัวทำให้ในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นั้น หน่วยของเราได้หม้อข้าวต้มไก่ใบใหญ่  ซึ่งก็เป็นความทรงจำที่ดีงามเกี่ยวกับสัมพันธไมตรีระหว่างประชาชนลาวกับทหารเวียดนามในช่วงสงคราม”

  ส่วนนายเหงวียนแค้งเหลวียนกำลังคิดถึงเพื่อนสหายที่สละชีพ  โดยเล่าเรื่องเกี่ยวกับความสูญเสียของตัวเขาและเพื่อนสายในตอนเป็นทหารของหน่วยทหารอาสาสมัคร766 “เมื่อปี1964 ผมเดินทางไปประเทศลาวเพื่อเข้าร่วมยุทธนาการ74หรือการปลดปล่อยทุ่งไหหิน หลังจากนั้น ผมเดินทางไปยังเขตซำเหนือเพื่อเข้าร่วมหน่วยปืนใหญ่37เพื่อปกป้องสำนักงานส่วนกลางของลาว  การต่อสู้ที่ดุเดือดเมื่อปลายปี1967ได้ทำให้ทหารของหน่วยปืนใหญ่37 รวม20นายเสียชีวิต”

  เมื่อได้รับทราบเรื่องราวและความทรงจำต่างๆของอดีตผู้เชี่ยวชาญและทหารอาสาสมัครเวียดนาม คุณ พันดานุวงและคุณอ้วนยาง  นักศึกษาสถาบันการทูตเวียดนามได้มีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับส่วนร่วมของคนรุ่นก่อนที่เสียสละเพื่อเอกราชในปัจจุบัน

  “ดิฉันดีใจมากที่ได้เข้าร่วมการพบปะสังสรรค์นี้ ดิฉันอยากแสดงความกตัญญูรู้คุณต่อการมีส่วนร่วมที่ยิ่งใหญ่ของอดีตผู้เชี่ยวชาญและทหารอาสาสมัครเวียดนามในการปลดปล่อยประเทศลาว”

  “ผ่านการพบปะสังสรรค์นี้ ฉันต้องพยายามฝึกฝนหล่อหลอมตนเองให้มากขึ้นเพื่อจะได้ทำประโยชน์  มีส่วนร่วมส่งเสริมความสามัคคีมิตรภาพพิเศษระหว่างสองประเทศที่คนรุ่นก่อนได้สร้างไว้”

  การพบปะสังสรรค์ได้เสร็จสิ้นลงท่ามกลางบรรยากาศที่สนุกสนานและอบอุ่น โดยผู้เข้าร่วมงานได้ร่วมกันระวง ซึ่งช่วยสานสัมพันธ์ทหารอาสาและผู้เชี่ยวชาญเวียดนามที่เคยปฏิบัติหน้าที่ในประเทศลาวกับบรรดานักศึกษาลาวที่กำลังศึกษาในประเทศเวียดนาม.