สวนปลูกกล้วยที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียนตะวันออกเฉียงใต้ที่ประเทศกัมพูชา

(VOVWORLD) -การปลูกกล้วยแต่ละเฮกตาร์ต้องใช้เงินทุนประมาณ 13,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยหลังจากผ่านไป 9 เดือน ผลผลิตที่เก็บได้จะขายได้ประมาณ 30,000 ถึง 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ และการปลูกต่องเนื่องในฤดูกาลถัดไปจะใช้เวลารอผลผลิต 6 เดือนเท่านั้น
สวนปลูกกล้วยที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียนตะวันออกเฉียงใต้ที่ประเทศกัมพูชา - ảnh 1 การหีบห่อกล้วย

 ในหลายปีที่ผ่านมา บริษัท หว่างแองซาลาย อาร์กิโก (HAGL Agrico) สังกัดเครือบริษัท Hoang Anh Gia Lai Viet Nam ได้ลงทุนพัฒนาสวนกล้วยในสามจังหวัดของกัมพูชา ประกอบด้วย สตึงแตรง รัตนคีรีและกระแจะ ซึ่งถึงปลายปี 2019 สามารถปลูกกล้วยได้ประมาณ 7,000 เฮกตาร์ เก็บผลผลิตได้ปีละ 2 ครั้ง ทำรายได้กว่า  600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นสวนปลูกกล้วยที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ตามข้อมูลสถิติของกระทรวงการเกษตรป่าไม้และการประมงกัมพูชา บริษัท HAGL Agrico เริ่มปลูกกล้วยในประเทศกัมพูชาตั้งแต่ปี 2016  หลังการปฏิบัติมาเป็นเวลา 3 เดือนพื้นที่ปลูกกล้วยของบริษัทฯได้เพิ่มขึ้นกว่า 7, 000 เฮกตาร์ สามารถเก็บผลผลิตได้ 3,000 เฮกตาร์และแต่ละปี ทางบริษัทเก็บผลผลิตได้ประมาณ  300,000 ตันในขณะที่ประเทศฟิลิปปินส์ หลังการพัฒนาอุตสาหกรรมปลูกกล้วยเป็นเวลา 50 ปี ก็สามารถพัฒนาพื้นที่ปลูกกล้วยเพิ่มเติมได้เพียง 5,000 เฮกตาร์เท่านั้น นี่เป็นการพิสุจน์ให้เห็นถึงทักษะความสามารถและความตั้งใจลงทุนในระยะยาวของบริษัทฯในด้านการเกษตรและโครงการต่างๆ ในประเทศกัมพูชา นาย Grray Quibradero ผู้ดูแลฝ่ายเทคนิคของโรงงานผลิตกล้วย HAGL Agrico ประเทศกัมพูชาเผยว่า “สวนปลูกกล้วยของ HAGL Agrico มีขนาดใหญ่ มีศักยภาพสูงและกำลังพัฒนาเป็น “เสือ” แห่งอุตสหกรรมการปลูกกล้วยของเอเชีย ดังนั้นเรากำลังพยายามปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานให้มีความสมบูรณ์ โดยประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยในขั้นตอนต่างๆ ซึ่งไม่เพียงแต่เพื่อทำการส่งออกไปยังประเทศจีนเท่านั้น หากยังส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลีอีกด้วย พร้อมทั้งจะเจาะตลาดใหม่ๆ เรากำหนดแนวทางพัฒนาเป็นบริษัทชั้นนำของโลกในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากกล้วย

ปัจจัยที่ช่วยให้บริษัทฯสามารถพัฒนาสวนกล้วยที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและแรงงาน โดยทางบริษัทได้ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในทุกขั้นตอนของการปลูกและผลิตกล้วย เช่น การวางผังพื้นที่ การวางระบบสายไฟฟ้า ระบบน้ำหยดที่นำเข้าจากอิสราเอล ระบบควบคุมความชื้นของดิน ระบบใส่ปุ๋ยอัตโนมัติ ระบบควบคุมโรคที่มีการนำทั้งรถบรรทุกน้ำ เครื่องบินไร้คนขับและเครื่องบินที่มีคนขับ เป็นต้น นาย Grray Quibradero เผยต่อไปว่า “วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีคือจุดแข็งของฟาร์ม ซึ่งช่วยให้สิ่งแวดล้อมสะอาดและปฏิบัติทุกขั้นตอนได้ง่ายขึ้นและใช้เวลาน้อยที่สุด เราสามารถทำขั้นตอนต่างๆ เช่น การเก็บผลผลิต การแปรรูป การหีบห่อ การเก็บรักษา การบรรจุในตู้คอนเทนเนอร์และการส่งออกมีความแม่นยำ รวดเร็วและสามารถทำการตรวจสอบย้อนกลับกล้วยแต่ละลูกได้”

สวนปลูกกล้วยที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียนตะวันออกเฉียงใต้ที่ประเทศกัมพูชา - ảnh 2 กล้วยของสวน

ควบคู่กับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แรงงานก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญในการพัฒนาของบริษัทฯ ปัจจุบันนี้  มีแรงงานกว่า 10,000 คนจากประเทศต่างๆ  เช่น กัมพูชา เวียดนาม ฟิลิปปินส์ จีนและสิงคโปร์ กำลังทำงานในสวนปลูกกล้วยแห่งนี้ โดยเฉพาะแรงงานกัมพูชาคิดเป็นร้อยละ 60-70 ของจำนวนแรงงานทั้งหมด คุณ Kim Somneag และคุณ Sok Rith แรงงานในสวนเผยว่า “ผมมีความยินดีเป็นอย่างมากที่ได้ทำงานที่นี่ ผมมีรายได้ที่มั่นคงและมีโอกาสเข้าร่วมโครงการฝึกอบรมและยกระดับทักษะความสามารถต่างๆสำหรับแรงงานท้องถิ่น

ผู้บริหารของบริษัทฯให้ความสนใจแรงงานเป็นอย่างมาก ซึ่งมักจะลงพื้นที่พบปะหารือกับแรงงาน เยี่ยมที่อยู่อาศัยของแรงงาน ถ้าหากเราพบอุปสรรคใด ทางบริษัทก็ให้การช่วยเหลือทันทีเพื่ออำนวยความสะดวกให้แรงงานได้ทำงานกับบริษัทอย่างมั่นคง

นอกจากนั้น ทางบริษัทยังมีโครงการสวัสดิการต่างๆ เช่น ก่อสร้างที่อยู่อาศัยให้แก่แรงงาน โรงเรียน โรงพยาบาล วัด ระบบน้ำประปา ระบบไฟฟ้าและถนนหนทางในท้องถิ่นต่างๆที่มีสวนปลูกกล้วยของบริษัท นาย เจืองแถ่งจ่อง ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินของบริษัทฯ HAGL Agrico เผยว่า “ประสิทธิภาพของโครงการสวนปลูกกล้วยของเราไม่เพียงแต่ได้รับคำชื่นชมจากสำนักงานและหน่วยงานต่างๆในจังหวัดเท่านั้นหากยังได้รับคำชื่นชมจากกระทรวงและส่วนกลางอีกด้วย เนื่องจากมีส่วนร่วมต่อมูลค่าการส่งออกของประเทศกัมพูชา มีส่วนร่วมผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจและสร้างงานทำให้แก่ชาวท้องถิ่น ดังนั้นเราจึงได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากทางการท้องถิ่นในประเทศกัมพูชา พร้อมทั้งได้รับคำชื่นชมว่า เป็นโครงการที่สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและช่วยแก้ปัญหาความยากจนในกัมพูชาในหลายปีที่ผ่านมา

ผู้บริหารบริษัทฯ เผยว่า ปริมาณผลผลิตกล้วยของบริษัทต่อปีจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2020 จะอยู่ที่ประมาณ 500,000 ตัน ดังนั้นเพื่อตอบสนองความต้องการของการขยายตัวอย่างรวดเร็วนี้ ในแต่ละปี ทางบริษัทฯต้องรับแรงงานท้องถิ่นประมาณ 2,000 ถึง 3,000 คน โดยแต่ละคนจะมีรายได้เฉลี่ยประมาณ 400 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นโอกาสในการทำงานของประชาชนกัมพูชา และควบคู่กับการก่อสร้างโรงงานผลิตต่างๆ ทางบริษัทก็ให้ความสนใจถึงการพัฒนาเครื่องหมายการค้าและผลักดันการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการที่นับวันเพิ่มสูงขึ้นในตลาด.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด