สวนนกบั่งลังอยู่ห่างจากตัวเมืองเกิ่นเทอประมาณ 60กิโลเมตร อยู่ที่หมู่เท้ยบิ่ง ต.เท้ยถวน อ.ทตโนต นครเกิ่นเทอ นี่เป็นหนึ่งในสวนนกที่ใหญ่ที่สุดของเขตสวนธรรมชาติที่กว้างใหญ่ที่สุดของเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง เราสามารถเดินทางเข้าไปยังสวนนกด้วยทางบกที่ตัดผ่านทุ่งนาหรือเส้นทางเข้าหมู่บ้านที่เขียวร่มรื่นด้วยทิวไผ่สองข้างทางซึ่งเป็นภาพที่เรียบง่ายของชนบทเวียดนามโดยแท้ แต่ช่วงที่ถือว่ามีความสนุกที่สุดเพื่อไปชมสวนนกคือช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ซึ่งเราจะได้ล่องเรือชมวิวธรรมชาติโดยเฉพาะต้น บั่งลัง หรือต้นตะแบกดอกสีม่วงที่บานสะพรั่งเต็มสองข้างทางเข้าไปยังสวน ซึ่งเป็นที่มาให้ชาวบ้านตั้งชื่อสวนนกกระยางแห่งนี้ว่า สวนนกบั่งลัง

เจ้าของสวนนกบั่งลังคือนาย ไบ๋ก่อหรือไบ๋ เถวี่ยน โดยตามที่เขาได้เล่าให้ฟังนั้น สวนนกแห่งนี้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ บนพื้นที่ทุ่งนาที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้หลายชนิดเช่น ไผ่ มะพร้าว กระทิง มะขามเทศ เป็นต้น

“สวนนกกระยางนี้มีมาตั้งแต่ปี1983 ซึ่งตอนแรกมีนกเพียงไม่กี่ร้อยตัว แต่จนถึงปี1992จำนวนนกกระยาง กระสา เป็นต้นได้มาทำรังสร้างแหล่งอาศัยเต็มต้นไม้ในพื้นที่สวน ผมจึงต้องปลุกต้นไม้เพิ่มเพื่อให้มันทำรัง ถึงเดือนเมษายนปี1997 การท่องเที่ยวเกิ่นเทอเริ่มเปิดทัวร์ท่องเที่ยวสวนนกนี้ ผมเองคิดว่านี่คือพื้นที่ที่ดีนกถึงเลือกมาอาศัยเยอะขนาดนี้ดังนั้นก็พยายามรักษาเพื่อให้สวนนกพัฒนาอุดมสมบูรณ์ต่อไป”

นักท่องเที่ยวชอบมายืนถ่ายรูปตอนเช้า

จนถึงปัจจุบัน สวนนกกระยางของนายไบ๋ก่อ มีพื้นที่กว่า1หมื่น2พัน5ร้อยตารางเมตร จำนวนนกที่มาอาศัยทำรังกว่า2แสนตัวรวมกว่า20ชนิด เช่นนกกระสาตัวเล็กที่สุดที่มีน้ำหนักแค่ 150 กรัม นกปากช้อนที่มีน้ำหนักถึง 1.2 กิโลกรัม นกกระสาปากดำที่สามารถจับปลาได้อย่างคล่องแคล่ว นกกระยาง นกกระสาปากเหลือง นกยางเขียว นกยางไฟ เป็นต้น ช่วงเวลาที่ถือว่าสวยที่สุดเพื่อชมสวนนกคือ6-7โมงเช้าตอนนกออกหากินหรือช่วง5โมงเย็นเมื่อนกบินกลับรังสัมผัสกับบรรยากาศสุดพิเศษท่ามกลางเสียงร้องของนกกระสากระยางจำนวนมากที่เกาะอยู่บนยอดไม้ หรือกำลังบินกลับรังเป็นกลุ่มรูปตัววีแล้วลงมาเกาะเต็มกิ่งไม้  

เพื่อรักษาความเป็นธรรมชาติและพัฒนาสวนนกกระยางให้มีความอุดมสมบูรณ์ต่อไป นายไบ๋ก่อได้ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจและเงินทองอย่างเต็มที่จนชาวบ้านได้ตั้งชื่อให้เขาว่าเป็น “ผู้เชี่ยวชาญด้านนกกระยาง”ในภาคใต้เพราะมีความรู้พร้อมประสบการณ์เกี่ยวกับการดูแลนกกระยาง อย่างเมื่อถึงหน้าแล้งนกระยางกระสาจะขาดอาหาร เขาก็ขุดคูคลองบ่อน้ำเพื่อเลี้ยงปลาเป็นอาหารให้นกหรือซื้อกุ้งหอยปูปลาจากคนที่ไปหาปลาตามแม่น้ำไปให้อาหาร หากมีนกมา อาศัยที่สวนมากขึ้นเขาก็ปลูกต้นไม้เพิ่มเพื่อให้นกมีที่ทำรัง

มีนกหลายร้อยสายพันธ์ุในสวน

“เราต้องปรับต้นไม้รอบสวนทุกๆสองปี นอกนั้นก็ดูแลต้นไม้มาโดยตลอด รวมทั้งดูแลรังนกด้วย หากวันไหนมีลมแรง ฝนตกหนักหรือมีพายุเข้าเราก็ต้องให้ความดูแลเป็นพิเศษ โดยเฉพาะลูกนกกระยางตกจากรังก็จะนำไปดูแลจนแข็งแรงถึงจะปล่อยกลับสู่ธรรมชาติ ซึ่งสรุปแล้วต้องมาดูแลสวนทุกวัน มันเป็นวิถีชีวิตของเราแล้ว”

ปัจจุบันนี้ จากความทุ่มเทของนายไบ๋ก่อและครอบครัว สวนนกก็ได้รับการอนุรักษ์อย่างดีและฝูงนกในสวนก็ไม่เคยหนีไปที่อื่นหากแต่นับวันยิ่งมีจำนวนมากขึ้น จนกลายเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่สวยที่สุดในเขตตะวันตกภาคใต้ โดยแต่ละวันมีคณะนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาเที่ยวสวนนกและทางบริษัทนำเที่ยวต่างๆยังได้ระบุสวนนกบั่งลังในโปรแกรมทัวร์เพื่อเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงามของเมืองเกิ่นเทอได้อย่างชัดเจนมากขึ้นในอีกมิติ.