เขตนิเวศวิทยานินห์บิ่นห์มองจากที่สูง

เขตนิเวศวิทยาจ่างอานอยู่ห่างจากกรุงฮานอยไปทางทิศใต้ประมาณ ๙๖ กิโลเมตรและอยู่ห่างจากใจกลางเมืองนินห์บิ่นห์ไปทางทิศตะวันตก ๗ กิโลเมตร มีพื้นที่ ๒,๑๖๘ เฮกต้าร์ มีถ้ำหินปูน ลุ่มน้ำและลำน้ำ  การเที่ยวเพื่อค้นหาความความงามของธรรมชาติที่นี่ต้องใช้เรือแจวเป็นพาหนะสัญจร ซึ่งคณะบริหารที่นี่เตรียมไว้พร้อมบริการนักท่องเที่ยว  การล่องเรือเที่ยวชมความงดงามของเขตนิเวศวิทยาจ่างอานใช้เวลาประมาณ ๓ ชั่วโมง โดยลงเรือแจวที่ท่าเรือจ่างอาน เรือจะล่องลัดเลาะตามแม่น้ำแคบๆที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสูงชันและยอดเขาแหลมท่ามกลางอากาศเย็นยะเยือก  คุณหวูถิ่ลือฝีพายแนะนำเกี่ยวกับเขตนิเวศวิทยาจ่างอานว่า “ ทั้ไปและกลับต้องลอดถ้ำ ๙ แห่ง โดยถ้ำแรกคือถ้ำโต๊ยแล้วถึงถ้ำซ้าง ถ้ำเนิ้วเหรื่อยและลอดถ้ำต่อๆไป เราต้องไปตามวงกลม  เรือแต่ละลำมี ๖ คน ค่าล่องเรือ ๑๐๐,๐๐๐ด่งต่อคน   ช่วงต้นปีและในวันเสาร์กับวันอาทิตย์มีคนมาเยอะมาก ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาที่นี่ทุกวัน ”

เรือแจวล่องตามลำน้ำส่าวเคพานักท่องเที่ยวไปยังถ้ำโต๊ยที่มีเรือแจวเรียงเป็นแถวยาวเหยียดรอเข้าถ้ำ  เรือแต่ละลำห่างกันประมาณ ๓ เมตรเพื่อความปลอดภัยและค่อยๆลอดเข้าไปในถ้ำ ระบบถ้ำในเขตนิเวศวิทยาจ่างอานมีความหลากหลายทั้งด้านรูปแบบและประเภท ถ้ำแต่ละแห่งมีความแตกต่างกันไปเพราะปรากฏการณ์การละลายและตกตะกอนของหินปูนที่สร้างเป็นหินงอกหินย้อยหลากหลายรูปแบบและมีอายุหลายพันปี ทั้งนี้ทำให้สาวแจวเรือต้องเตือนนักท่องเที่ยวให้ระวังหัว โดยต้องก้มหัวลงเนื่องจากหัวอาจโขกโดนหินย้อย

ท่าเรือจ่างอาน

ยิ่งลึกเข้าไปในถ้ำ นักท่องเที่ยวยิ่งรู้สึกว่าถ้ำยาวมากที่ไม่มีทางออก และแล้วก็ปรากฎปากถ้ำและเราจะได้ออกสู่ลุ่มน้ำกว้างที่ถูกล้อมรอบด้วยผาและป่า  นี่คือลุ่มน้ำที่ตั้งอยู่ระหว่างถ้ำแต่ละแห่ง ซึ่งเป็นธรรมชาติที่สวยงามของที่นี่ ภูผาและต้นไม้สะท้อนเงาลงในลำน้ำทำให้ลำน้ำกลายเป็นสีเขียวของใบไม้  ธรรมชาติได้รังสรรค์ให้ทัศนียภาพที่นี่มีทั้งความสวยงามและความมหัศจรรย์  คุณหวูถิ่ลือบรรยายต่อไปว่า  “ นี่คือถ้ำเนิ้วเหรื่อยว ถ้ำยาว ๒๕๐ เมตร ที่มาของชื่อถ้ำเพราะว่ามีสายน้ำไหลออกจากถ้ำ  สมัยกษัตริย์ดินห์เตียนหว่างปกครองแผ่นดินนี้  พระองค์ทรงสั่งให้เอาน้ำที่นี่ต้มเหล้าเพื่อดื่มในงานเลี้ยงเหล่าทหาร  การใช้น้ำที่นี้ไปต้มเหล้าจะทำให้เหล้าอร่อยขึ้น ”

ในบริเวณเขตนิเวศวิทยาจ่างอานมีถ้ำที่มีลำน้ำไหลลอดรวมทั้งหมด ๔๘ แห่งสลับกับลุ่มน้ำแคบๆ ๓๐ แห่งที่ได้รับการสำรวจ โดยมีถ้ำยาวหลายกิโลเมตรหลายแห่งเช่น ถ้ำเดี่ยลินห์ ถ้ำโต๊ย ถ้ำซ้าง ถ้ำบาหยอด ถ้ำซิ้งและถ้ำเซินเซือง  การล่องเรือเที่ยวถ้ำต่างๆในจ่างอาน นอกจากลอดถ้ำชมความสวยงามภายในถ้ำและทัศนียภาพสองข้างทางแล้ว นักท่องเที่ยวจะได้ขึ้นฝั่งนมัสการวัดวาอารามตามไหล่เขา  นายหว่างมินห์ถุ่ย นักท่องเที่ยวชาวฮานอยกล่าวถึงความรู้สึกของตนว่า  “ ผมรู้สึกได้กลับสู่ผืนดินแห่งจิตวิญญาณและรู้สึกจิตใจปลอดโปร่งและบริสุทธ์ทุกครั้งที่กลับมาที่นี่ ทัศนียภาพที่มีทั้งภูเขาและแม่น้ำสวยงามตระกาลตามาก  คนและวิวเป็นใจเพราะความศักดิ์สิทธิ์ของที่นี่   สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจและชื่นชอบเมื่อมาที่นี่คือ ความใกล้ชิดระหว่างคนกับธรรมชาติ ”

ทั้งล่องเรือทั้งส่องนก

เขตนิเวศวิทยาจ่างอานยังได้ถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยากลางแจ้ง โดยมีภูเขาหินปูนริมเขตที่ราบกับภูเขาหินปูนติดกับทะเล  ธรณีสัณฐานและตะกอนบนผนังถ้ำมีคุณค่าต่อการวิจัยเกี่ยวกับอากาศและการเปลี่ยนแปลงของธรณีสัณฐานที่ระบุระดับน้ำทะเลหนุนในยุคต่างๆและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก  นักวิจัยยังค้นพบร่องรอยและวัตถุของมนุษย์โบราณตามถ้ำต่างๆเช่น ในถ้ำโจ๊งยังมีร่องรอยของมนุษย์โบราณก่อนหน้านี้ประมาณ ๓,๐๐๐-๓๐,๐๐๐ ปี  ในถ้ำบ๊อยมีร่องรอยของมนุษย์โบราณก่อนหน้านี้ ๑๐,๐๐๐ ปี  นายเหงวียนกาวเติ้น รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารเขตท่องเที่ยวจ่างอานเปิดเผยว่า  “ ร่องรอยทางโบราณคดีมีคุณค่าทางวัฒนธรรมเพราะเราสามารถนึกภาพชีวิตของมนุษย์โบราณที่สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้อย่างดี  ส่วนคุณค่าด้านวิจิตศิลป์คือ ทัศนียภาพของภูผาและแม่น้ำตลอดจนคุณค่าทางธรณีสัณฐานของที่นี่ทำให้จ่างอานมีความสวยสดงดงามที่ไม่มีแห่งใดเหมือน ”

วัดบ๊ายดิ๊นห์มองจากที่สูง

ภายหลังล่องเรือชมทัศนียภาพของเขตนิเวศวิทยาจ่างอานมาเป็นเวลา ๓ ชั่วโมงเรือได้พานักท่องเที่ยวกลับท่าเรือ อันเป็นการเสร็จสิ้นการท่องเที่ยวจ่างอาน ซึ่งนักท่องเที่ยวเมื่อมาที่นี่แล้วก็จะหาเวลากลับมาเที่ยวอีกเพื่อปล่อยภวังค์กับธรรชาติและได้รีแลกซ์ด้วย ./.