นักเขียนเหงวียนซวนแค้ง (สมาคมนักเขียนกรุงฮานอย)

นักเขียนเหงวียนซวนแค้งเป็นนักวรรณกรรมสัจนิยมแนวสังคมนิยมในช่วงหลังปี 1954 และเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มกระแสวรรณกรรมร่วมสมัยของเวียดนาม

โดยเมื่อเอ่ยถึงนักเขียนเหงวียนซวนแค้ง ผู้อ่านรุ่นต่างๆมักจะกล่าวถึงผลงานที่มีชื่อเสียง เช่น ผลงานวรรณกรรมเรื่อง”โห่กวี๋ลี”ที่ได้รับรางวัลการประกวดผลงานวรรณกรรมของสมาคมนักเขียนเวียดนามช่วงปี 1998-2000และรางวัลของสมาคมนักเขียนฮานอยปี 2001 ผลงานวรรณกรรมเรื่อง “เหมาเถืองหง่าน” (Mẫu Thượng ngàn)ที่ได้รับรางวัลจากสมาคมนักเขียนกรุงฮานอยปี 2006 ผลงานวรรณกรรมเรื่อง “โด๋ยก๋าวเลนจั่ว”( Đội gạo lên chùa) ที่ได้รับรางวัลจากสมาคมนักเขียนเวียดนามปี 2011และผลงานวรรณกรรมเรื่อง “เจวี๋ยนหงอแหง่ว”ที่เล่าเรื่องราวชีวิตที่เต็มไปด้วยความยากลำบากของชาวบ้านที่ซอยแห่งหนึ่งที่ได้รับรางวัลหนังสือวรรณกรรมยอดเยี่ยมปี 2018 ซึ่งผลงานของนักเขียนเหงวียนซวนแค้งเป็นการรวบรวมองค์ความรู้ด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะผลงานวรรณกรรมเรื่อง”โห่กวี๋ลี”ที่ตีพิมพ์เมื่อปี2000 ได้สร้างกระแสใหม่ให้กับวงการวรรณกรรมเพราะเนื้อหากล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงใหม่ นาย โงยาง นักข่าวจากนิตยสารนักเขียนสังกัดสมาคมนักเขียนเวียดนามได้ประเมินว่า“ผลงานวรรณกรรมเรื่อง “โห่กสี๋ลี”ของนักเขียนเหงวียนซวนแค้งไม่เพียงแต่ระบุถึงการพัฒนาของราชวงศ์โห่เท่านั้น หากยังวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ของประเทศ คุณค่าของประชาชาติและคุณค่าประวัติศาสตร์ที่ช่วยสร้างคุณสมบัติอันดีงามของคนเวียดนามอีกด้วย นักเขียนเหงวียนซวนแค้งได้เริ่มเขียนผลงานนี้ตั้งแต่ช่วงปี 1960 โดยได้มีความใส่ใจต่อสถานการณ์ของประเทศและแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และแนวความคิดใหม่ผ่านมุมมองวรรณกรรม”

ผลงานวรรณกรรมเรื่อง “เจวี๋ยนหงอแหง่ว”

ผลงานวรรณกรรมเรื่อง “เหมาเถืองหง่าน”บรรยายถึงเขตชนบทในช่วงที่นักล่าเมืองขึ้นฝรั่งเศสเริ่มเข้ามายึดครองเวียดนาม โดยนักเขียนเหงวียนซวนแค้งได้วิเคราะห์ถึงความเลื่อมใสบูชาเจ้าแม่เพื่อสื่อถึงการแลกเปลี่ยนและการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมของเวียดนามกับฝ่ายตะวันตก ส่วนผลงานวรรณกรรมเรื่อง“โด๋ยก๋าวเลนจั่ว”( Đội gạo lên chùa) หรือ แปลว่า ถวายข้าวแด่พระสงฆ์ ที่ออกสู่สายตาผู้อ่านเมื่อปี 2011 ที่บรรยายสภาพชีวิตสังคมช่วงสงครามต่อต้านนักล่าเมืองขึ้นฝรั่งเศสได้ใช้หลักธรรมศาสนาพุทธเพื่อสะท้อนความคิดในปัญหาสังคมวัฒนธรรมและปรัชญาชีวิต ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่เขาเคยบอกว่าประสบการณ์ที่สั่งสมในตลอดชีวิตของเขาได้ถ่ายทอดในผลงานกว่า900หน้า

“ผมได้วิเคราะห์ถึงวิวัฒนาการด้านความคิดของชาวเวียดนามเกี่ยวกับสงครามและการเปลี่ยนแปลงในสังคม รวมถึงเขตชนบทผ่านมุมมองของศาสนาพุทธ ผมไม่ได้เจาะลึกเรื่องการออกบวช หากส่งเสริมการปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนของพุทธศาสนาเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้น”

สิ่งที่น่าสนใจในผลงานของนักเขียนเหงวียนซวนแค้งคือการให้เกียรติและเชิดชูสตรีเวียดนามผ่านการสร้างภาพลักษณ์สตรีที่เรียบง่ายในวิถีชีวิตเช่นภาพของสตรี ของคุณแม่ คุณยายไปทำบุญที่วัด สะท้อนหลักธรรมแห่งความเมตตาของพุทธศาสนา ผมยกย่องให้เกียรติต่อบทบาทของสตรีในสังคมเพราะสตรีมีคุณสมบัติที่งดงาม มีความเจียมเนื้อเจียมตัวนอบน้อม อดทนและจิตใจเปี่ยมด้วยความเมตตาอารีนักเขียนเหงวียนซวนแค้งได้ทุ่มเทตลอดชีวิตให้แก่งานเขียนและงานแปลซึ่งได้รับการยกย่องจากคนในวงการ แม้ท่านได้จากโลกนี้ไปแล้ว แต่ผลงานของท่านยังคงทรงคุณค่าทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ วรรณกรรมและความเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นการยืนยันว่า เขาไม่เพียงแต่เป็นนักเขียนที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น หากยังเป็นปัญญาชนที่มีความใส่ใจถึงปัญหาต่างๆทางวัฒนธรรมของประชาชาติอีกด้วย.