คำว่า จูเด๋า (Chu Dau)หมายถึงท่าเรือ โดยเมื่อศตวรรษที่15 จูเด๋าเป็นต.เล็กๆของอ.แทงลิม เขตนามแซก แคว้นหายเยือง อยู่ริมฝั่งซ้ายของแม่น้ำท้ายบิ่งห์ซึ่งเป็นสายหนึ่งในแม่น้ำลุกเด่าซึ่งเป็นจุดที่มีความได้เปรียบในการค้าขายเพราะสามารถไปถึงกรุงทังลองหรือออกสู่ทะเลได้อย่างความสะดวก หมู่บ้านจูเด๋าพัฒนารุ่งเรืองที่สุดในสมัยราชวง์หลี-เจิ่น-เล-หมาก ช่วงศตวรรษที่14-17 หลังจากนั้นก็เกิดภาวะสงครามจนถูกหลงลืมไปจนถึงเมื่อปี1980ที่มีจดหมายของนาย มาโกโตะ อานาบูกิ เลขานุการเอกสถานทูตญี่ปุ่นประจำเวียดนามที่ส่งถึงนาย โงยวีดง เลขาธิการพรรคฯสาขาจังหวัด หายฮึง (ซึ่งก็คือจ.หายเยือง และจ.ฮึงเอียนในปัจจุบัน) ในจดหมายนาย อานาบูกิ เขียนว่าเมื่อครั้งที่เขาไปทำงานที่ประเทศตุรกี เขาได้มีโอกาสเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ Topkapi Saray ในกรุงอิสตันบูลและประทับใจกับแจกันเซรามิกลายดอกสีครามโบราณขนาด54เซนติเมตรของเวียดนามโดยบนแจกันมีลายมือที่เขียนเป็นภาษาฮั่นว่า ปีท้ายหว่าที่8-1450 ช่างปั้นเซรามิกตระกูลบุ่ย เขตนามแซก  นาย เหงวียนหิวเหียบ รองผู้อำนวยการบริษัทหุ้นส่วนเครื่องเคลือบดินเผาจูเด๋าเผยว่า จดหมายฉบับนั้นได้เป็นแรงบันดาลใจในการแสวงหาและฟื้นฟูอาชีพทำเซรามิกจูเด๋าโบราณ โดยถึงปี1983กระบวนการขุดค้นเพื่อหาร่องรอยของเซรามิกจูเด๋าได้เริ่มขึ้นในพื้นที่ ถึงปี2003ข่าวการพบเครื่องเซรามิกจูเด๋าโบราณกว่า4หมื่นชิ้นบนเรือพาณิชย์ลำหนึ่งที่อับปางในบริเวณเกาะ กู่ลาวจ่าม จ.กว๋างนาม ได้สร้างความสนใจให้แก่คนทั่วโลกเพราะคุณค่าและความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของวัฒนธรรมเซรามิกจูเด๋า ซึ่งทุกวันนี้ บรรดานักค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับเซรามิกต่างต้องยอมรับว่า เซรามิกจูเด๋าคือเซรามิกที่สวยงามที่สุดในโลกช่วงศตวรรษที่14-17  ถึงปี2001 บริษัทการค้าฮานอยหรือHaproได้เริ่มทำการวิจัยเพื่อฟื้นฟูการผลิตเครื่องเซรามิกจูเด๋าโบราณนี้ นาย เหงวียนหิวเหียบเผยว่า“จากการวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์เราสามารถพบส่วนผสมของน้ำยาเคลือบเซรามิกจูเด๋าโบราณซึ่งในอดีตช่างทำเซรามิกไม่ใช้สารเคมีในการผสมน้ำยาเคลือบหากใช้แต่วัตถุธรรมชาติ เราใช้ขี้เถ้าจากแกลบข้าวเหนียวเป็นวัตถุทำน้ำยาเคลือบ ส่วนสีที่ใช้วาดลายบนเซรามิกเอาจากตะกอนที่เกิดจากกระแสน้ำที่ไหลลงมาจากภูเขา ดังนั้นการทำเซรามิกโบราณจูเด๋าจะไม่มีการใช้สารเคมีแต่อย่างใด”

เซรามิกจูเด๋ายังได้ชื่อว่าเป็นเซรามิกแห่งศาสนาเนื่องจากลวดลายต่างๆบนผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นต่างสะท้อนคุณค่าปรัชญาศาสนาพุทธและลัทธิขงจื๊อ นอกจากนี้ลักษณะของลวดลายต่างๆพร้อมสีสันและความปราณีต์ของผลิตภัณฑ์เซรามิกจูเด๋ายังช่วยให้ผู้ที่ได้สัมผัสรู้สึกถึงความงดงามที่เรียบง่ายในวิถีชีวิตของชาวเวียดนามและประทับใจกับเอกลักษณ์วัฒนธรรมที่เป็นสัญลักษณ์แห่งอารยธรรมลุ่มแม่น้ำแดง  นายเหงวียนฮวีเกียน รองผู้อำนวยการฝ่ายการผลิตของบริษัทหุ้นส่วนเซรามิกจูเด๋ากล่าวว่า“ปัจจุบันนี้ เซรามิกจูเด๋าได้รับการผลิตโดยการผสมผสานระหว่างความทันสมัยกับเอกลักษณ์โบราณเช่นลวดลายยังคงยึดตามแบบดั้งเดิมแต่มีการเพิ่มลายใหม่ๆตามความต้องการของลูกค้า สิ่งที่พิเศษที่สุดของเซรามิกจูเด๋าคือน้ำยาเคลือบที่ทำจากขี้เถ้าแกลบข้าว เราจะวาดลวดลายก่อนแล้วนำไปเคลือบน้ำยาและนำเข้าเตาเผา โดยวัสดุทุกอย่างที่ใช้ต้องมีความสะอาดปลอดภัยต่อผู้ใช้”

ผลิตภัณฑ์เซรามิกจูเด๋าตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันเป็นผลงานจากฝีมือของช่างศิลป์ช่างปั้นดินเผาจนทำให้ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นไม่มีที่ใดเหมือน ช่างศิลป์ เจิ่นถิหง่าน หนึ่งในช่างปั้นดินเผาที่ได้รับการฝึกอบรมเพื่อสานต่ออาชีพเมื่อหมู่บ้านเซรามิกจูเด๋าได้รับการฟื้นฟูเผยว่า“แต่ละหมู่บ้านจะมีเอกลักษณ์เฉพาะ โดยหมู่บ้านของเราเน้นทำลวดลายที่มีความใกล้ชิดกับการเกษตรและวิถีชีวิตของชาวบ้าน การเรียนอาชีพทำเครื่องปั้นดินเผานี้ไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะการวาดลายบนเซรามิก ถ้าอยากทำได้ดีก็ต้องทุ่มเทความพยายามฝึกฝนและต้องมีความหลงไหลในงานที่ทำด้วย”

ควบคู่กับการฟื้นฟูอาชีพทำเซรามิกโบราณ บริษัทหุ้นส่วนเซรามิกจูเด๋ายังร่วมมือกับสถานประกอบการอื่นๆและประชาชนท้องถิ่นพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงหมู่บ้านศิลปาชีพเพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์และจำลองบรรยากาศดั้งเดิมไว้รองรับนักท่องเที่ยวเช่น สวนเซรามิกแห่งศิลปะตัวอักษร วิหารบูชาบรรพบุรุษผู้ริเริ่มอาชีพนี้ เป็นต้น เป็นที่น่าภาคภูมิใจสำหรับเซรามิกเวียดนามเพราะในปัจจุบันมีพิพิธภัณฑ์46แห่งใน32ประเทศทั่วโลกกำลังจัดแสดงเครื่องเซรามิกจูเด๋าโบราณและผลิตภัณฑ์เซรามิกจูเด๋าก็สามารถเจาะตลาดของกว่า20ประเทศ.