โบราณสถานเรือนจำหวาหล่อประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการนำเสนอเรื่องราวและข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งของวัตถุที่จัดแสดงในโบราณสถานฯรวมถึงตัวอย่างนักรบปฏิวัติที่ถูกศัตรูจับกุมคุมขังและเสียชีวิตในเรือนจำหวาหล่อผ่านระบบaudio guide

ปัจจุบัน เทคโนโลยีดิจิทัลได้ทำให้ความคิดเกี่ยวกับคุณค่าผลงานและวิธีจัดกิจกรรมศิลปะ นิทรรศการ งานคอนเสิร์ตและงานแสดงหนังสือออนไลน์มีการเปลี่ยนแปลง รวมถึงวิธีการเก็บรักษาผลงานวัฒนธรรมและศิลปะก็ถูกปรับเปลี่ยนผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อช่วยให้ผู้ชมสามารถเข้าถึงผลงานต่างๆได้สะดวกมากขึ้น รองศ.ดร.บุ่ยหว่ายเซิน หัวหน้าสถาบันวัฒนธรรมและศิลปะแห่งชาติเวียดนามได้เผยว่า การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการเก็บรักษาผลงานศิลปะคือสิ่งที่ต้องเผชิญกับทั้งโอกาสและความท้าทาย

“ในยุคแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 และการพัฒนาสังคมดิจิทัลในปัจจุบัน การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและการสร้างฐานข้อมูลคือสิ่งที่สำคัญ รวมถึงในด้านวัฒนธรรมและศิลปะเพื่อเก็บรักษาเป็นสมบัติอันล้ำค่าของประชาชาติและเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในด้านการศึกษาและวัฒนธรรมเพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวกมากขึ้น”

การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ทำให้แนวโน้มการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในด้านต่างๆ รวมถึงวัฒนธรรมและศิลปะนับวันเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยิ่งทำให้กระบวนการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลดำเนินไปอย่างโดย พิพิธภัณฑ์และโรงละครต่างๆในโลกได้เผยแพร่คลิปวิดีโอแนะนำรายการและผลงานต่างๆผ่านทางเว็บไซต์และ Youtube เพื่อให้ผู้ชมทั่วโลกสามารถชมผลงานต่างๆได้อย่างทั่วถึง ส่วนในกรุงฮานอยตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2020 ได้มีการเปิดตัวทัวร์“ราตรีอันศักดิ์สิทธิ์”ที่โบราณสถานเรือนจำหวาหล่อ นาง หล่ายถิมิงทู รองหัวหน้าแผนกวิจัยและรวบรวมสิ่งของวัตถุสังกัดคณะกรรมการบริหารโบราณสถานเรือนจำหวาหล่อได้เผยว่า

“เราได้ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการนำเสนอเรื่องราวและข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งของวัตถุที่จัดแสดงในโบราณสถานฯ รวมถึงตัวอย่างนักรบปฏิวัติที่ถูกศัตรูจับกุมคุมขังและเสียชีวิตในเรือนจำหวาหล่อผ่านระบบ audio guide"

ตั้งแต่ปี 1997 สถาบันวัฒนธรรมและศิลปะแห่งชาติเวียดนามได้ปฏิบัติโครงการเป้าหมายแห่งชาติเกี่ยวกับการรวบรวม อนุรักษ์และส่งเสริมคุณค่าวัฒนธรรมนามธรรม โดยจนถึงปัจจุบัน ได้ทำการแปลงเนื้อหาของภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ 480 เรื่อง ภาพถ่าย 1 หมื่นภาพและม้วนฟิล์ม 1 พันม้วลจากอนาล็อกเป็นระบบดิจิทัล รวมถึงจัดทำเอกสารที่ยื่นเสนอให้องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือยูเนสโกรับรองประเพณีสักการะบูชาบรรพกษัตริย์หุ่งที่จังหวัดฟู้เถาะ ความเลื่อมใสบูชาเจ้าแม่ของชาวเวียดนามที่จังหวัดนามดิ่ง การร้องเพลงทำนองหวีและหยัมของเหงะติ๋งให้เป็นมรดกวัฒนธรรมนามธรรมของมนุษยชาติ

แอพพลิเคชั่น iMseum VFA

ส่วนในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา พิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์เวียดนามและบริษัทหุ้นส่วน MOBILE APPLICATION SOFTWARE เวียดนามได้ร่วมกันพัฒนาแอพพลิเคชั่น iMseum VFA เพื่อสนับสนุนการเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ทั้งในสถานที่จริงและแบบออนไลน์ นาง กายท้ายหว่างเอวียน ผู้บริหารโครงการ iMseum VFA ได้เผยว่า

“พวกเราได้ศึกษาวิจัยประสบการณ์ของพิพิธภัณฑ์ต่างๆในทั่วโลก เช่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิตันของสหรัฐ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ของฝรั่งเศส พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอัมสเตอร์ดัมและพิพิธภัณฑ์แห่งชาติสิงคโปร์ ด้วยการใช้แอพพลิเคชั่น iMseum VFA ผู้ชมสามารถสแกนQR Code เพื่ออ่านข้อมูลและฟังเนื้อหาเกี่ยวกับผลงาน 100 ชิ้นที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ฯผ่านสมาร์ทโฟนได้ทุกที่ทุกเวลา”

เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2020 รัฐบาลเวียดนามได้อนุมัติโครงการวิจัย สร้างฐานข้อมูลและรวบรวมผลงานวรรณกรรมและศิลปะเวียดนามที่ใช้เทคโนโลยีของการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแปลงเนื้อหาของผลงานวัฒนธรรมเวียดนามเป็นระบบดิจิทัลเพื่อสร้างรูปแบบใหม่ให้แก่หน่วยงานวัฒนธรรม ซึ่งช่วยให้ผู้ชมสามารถเข้าถึงผลงานวัฒนธรรมทั้งแบบดั้งเดิมและร่วมสมัยได้อย่างสะดวก อีกทั้งสร้างโอกาสให้ศิลปินเวียดนามสามารถเผยแพร่วัฒนธรรมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ประเทศเวียดนามสู่สายตาชาวโลก.