นาบ วลาดิมีร์ อิลลิช เลนิน จากฟินแลนด์แอบกลับประเทศนำการปฏิวัติเดือนตุลาคมให้ประสบความสำเร็จ (History Conflicts)

ในการประเมินเกี่ยวกับบทบาทและความหมายของการปฏิวัติเดือนตุลาคมรัสเซีย ประธานโฮจิมินห์ได้ยืนยันว่า “การปฏิวัติเดือนตุลาคมเหมือนดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงสว่างในทุกทวีป เร่างเร้าให้ผู้คนที่ถูกกดขี่ขูดรีดนับล้านในโลกลุกขึ้นสู้  ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ไม่เคยมีการปฏิวัติใดที่มีความหมายที่ยิ่งใหญ่และลึกซึ้งอย่างนี้” “ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของการปฏิวัติเดือนตุลาคมรัสเซียได้สร้างบทเรียนที่ล้ำค่าให้แก่ชนชั้นกรรมกร ผู้ใช้แรงงานและประชาชาติที่ถูกกดขี่ขูดรีดในโลก ค้ำประกันให้แก่ภารกิจการปลดปล่อยชนชั้นกรรมกรและมนุษยชาติ”

การปฏิวัติเดือนตุลาคมส่องแสงสว่างให้แก่ชัยชนะของการปฏิวัติเวียดนาม

ตามคำเรียกร้องของการปฏิวัติเดือนตุลาคมรัสเซีย ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามโดยประธานโฮจิมินห์เป็นผู้ก่อตั้ง การปฏิวัติเวียดนามได้เดินตามเส้นทางของลัทธิสังคมนิยม และจากความต้องการของสถานการณ์ที่เป็นจริงในช่วงปลายปี 1980 ของศตวรรษที่ 20 ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์ ปี 1986  เวียดนามได้ปฏิบัติภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศในทุกด้านและพัฒนาประเทศตามแนวทางสังคมนิยม

จากผลสำเร็จของการปฏิวัติเดือนตุลาคมรัสเซีย เวียดนามสรุปสถานการณ์ที่เป็นจริงและวิจัยทางทฤษฎีต่อไป เพื่อศึกษากฎระเบียบแห่งการพัฒนาที่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นจริงของเวียดนามในการสร้างสรรค์และพัฒนาประเทศ

ศาสตราจารย์ ดร. ตะหงอกเติ๊น รองประธานสภาทางทฤษฎีส่วนกลางได้แสดงความเห็นว่า “การปฏิวัติเดือนตุลาคมรัสเซียมีความหมายที่ยิ่งใหญ่  เพราะได้เปิดศักราชใหม่ให้แก่มนุษยชาติ ที่ไม่เพียงแต่เป็นการก้าวรุดหน้าไปสู่สังคมเท่านั้น หากเป็นศักราชที่มีการเปลี่ยนแปลงชีวิต การดำเนินชีวิตของโลก รวมทั้งประเทศทุนนิยม แต่ผลงานที่ยิ่งใหญ่ของการปฏิวัติเดือนตุลาคมรัสเซียในประเทศสหภาพโซเวียตเดิม ในระบบลัทธิสังคมนิยมในโลก แต่ได้นำไปสู่การล่มสลายเมื่อปี 1991 นั้นได้กลายเป็นบทเรียนที่ล้ำค่าให้แก่เวียดนามในการเดินตามและสร้างสรรค์สังคมนิยม”

เวียดนามยืนหยัดเส้นทางไปสู่สังคมนิยม

จากการตระหนักได้ดีถึงสาเหตุและบทเรียนหลังจากเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองในสหภาพโซเวียดเดิมและประเทศยุโรปตะวันออก พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้ถอดประสบการณ์เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องในกระบวนการสร้างสรรค์สังคมนิยมในเวียดนาม  บนพื้นฐานหลักการชี้นำภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ที่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามยืนหยัดปฏิบัติ คือเปลี่ยนแปลงใหม่บนพื้นฐานลัทธิมาร์ก เลนิน แนวคิดโฮจิมินห์ เพื่อเอกราชของประชาชาติและสังคมนิยม ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ไม่ย่อท้อและปรับ เปลี่ยนทิศทางและเป้าหมายที่ได้เลือกเฟ้น นั่นคือปฏิบัติเส้นทางที่ประธานโฮจิมินห์ได้เลือกเส้นทางแห่งการปฏิวัติเดือนตุลาคมรัสเซียอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนถึงที่สุด ศาสตราจารย์ ดร. แหมกกวางทั้ง จากสถาบันประวัติศาสตร์พรรคสังกัดสถาบันการเมืองรัฐศาสตร์แห่งชาติโฮจิมินห์ได้วิเคราะห์ว่า “ประเทศที่กำลังสร้างสรรค์สังคมนิยม รวมทั้งเวียดนามต้องประสบอุปสรรคไม่น้อย ทั้งในทางทฤษฎีไปจนถึงการปฏิบัติในสถานการณ์ที่เป็นจริง แต่จะทุกประเทศมีเงื่อนไขทางประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกัน และอุปสรรคนั้นได้ถูกประยุกต์ใช้ในการกำหนดเส้นทางและแนวทางของพรรคในการดำเนินการปฏิวัติ และเส้นทางไปสู่ลัทธิคอมมิวนิสต์ยังคงเป็นเป้าหมายและความพยายามของเวียดนามและบางประเทศบนเส้นทางที่แตกต่างกันและยาวนานแม้จะเร็วหรือช้าก็ต้องถึงจุดมุ่งหมาย”

เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เหงียนฟู้จ่องได้ย้ำว่า ต้องผลักดันการสร้างสรรค์พรรคให้บริสุทธิ์ เข้มแข็ง ยกระดับความสามารถในการนำและพลังการต่อสู้ของพรรค ยกระดับคุณภาพการขยายตัวและขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจ โดยเอกราชแห่งประชาชาติคือเงื่อนไขชี้ขาดเพื่อก้าวไปสู่สังคมนิยม “ยืนหยัดต่อสู้เพื่อพิทักษ์รักษาเอกราช อธิปไตย เอกภาพและบูรณภาพแห่งดินแดนของปิตุภูมิ ทำลายทุกแผนกุศโลบายที่มุ่งหวังโค่นล้มระบอบของกลุ่มอิทธิพลที่เป็นอริ รักษาบรรยากาศที่สันติภาพ เสถียรภาพ ความเป็นระเบียบเรียบร้อยทางสังคมเพื่อพัฒนาประเทศ ขยายและพัฒนาความสัมพันธ์ด้านการต่างประเทศให้เข้าสู่ส่วนลึก พร้อมเป็นมิตร หุ้นส่วนที่น่าเชื่อถือและสมาชิกที่มีความรับผิดชอบในประชาคมโลก ใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์ ฟันฝ่าความท้าทาย ผสมผสานเข้ากับกระแสโลกในเงื่อนไขใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ ยกระดับสถานะและชื่อเสียงของเวียดนามบนเวทีโลก”

ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของภารกิจต่อสู้ ปลดปล่อยประชาชาติและสร้างสรรค์สังคมนิยมเวียดนามในเกือบ 9 ทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะในตลอดกว่า 30 ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงใหม่ได้มีส่วนร่วมยืนยันถึงความหมายที่ยิ่งใหญ่ทางประวัติศาสตร์และคุณค่าแห่งยุคสมัยของการปฏิวัติเดือนตุลาคมรัสเซียต่อการปฏิวัติโลก รวมทั้งการปฏิวัติเวียดนาม อีกทั้งเป็นการพิสูจน์อย่างมีชีวิตชีวาเกี่ยวกับความถูกต้องของเส้นทางการปฏิวัติที่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ประธานโฮจิมินห์และประชาชนเวียดนามได้เลือกเฟ้น.