ข้อตกลงเจนีวาเกี่ยวกับยูเครนเสี่ยงที่จะประสบความล้มเหลว

(VOVworld) –  ข้อตกลงเจนีวาที่บรรลุเมื่อวันที่๑๗เมษายนที่ผ่านมาเพื่อแก้ไขวิกฤตในยูเครนกำลังมีความล่อแหลมที่จะประสบความล้มเหลวเพราะทุกฝ่ายยังคงมีทัศนะที่แตกต่างกันในการปฏิบัติข้อตกลงฉบับนี้โดยทุกฝ่ายไม่ประสานการปฏิบัติหากกลับตำหนิติติงและโยนความผิดให้แก่กัน ต่อสถานการณ์ตึงเครียดในปัจจุบัน ประชามติเห็นว่า ความผันผวนทางการเมืองในยูเครนอาจก้าวไปสู่ภาวะอันตรายมาเป็นทวีคูณ

(VOVworld) –  ข้อตกลงเจนีวาที่บรรลุเมื่อวันที่๑๗เมษายนที่ผ่านมาเพื่อแก้ไขวิกฤตในยูเครนกำลังมีความล่อแหลมที่จะประสบความล้มเหลวเพราะทุกฝ่ายยังคงมีทัศนะที่แตกต่างกันในการปฏิบัติข้อตกลงฉบับนี้โดยทุกฝ่ายไม่ประสานการปฏิบัติหากกลับตำหนิติติงและโยนความผิดให้แก่กัน ต่อสถานการณ์ตึงเครียดในปัจจุบัน ประชามติเห็นว่า ความผันผวนทางการเมืองในยูเครนอาจก้าวไปสู่ภาวะอันตรายมาเป็นทวีคูณ

ข้อตกลงเจนีวาเกี่ยวกับยูเครนเสี่ยงที่จะประสบความล้มเหลว - ảnh 1
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐJen Psaki(Photo:Hufingtin.Post )

ก่อนอื่น อาจเห็นได้ว่า การเจรจาที่นครเจนีวา เมื่อสัปดาห์ก่อนได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามของทุกฝ่ายที่มีความประสงค์จะแสวงหามาตรการแก้ไขปัญหาการพิพาทในยูเครน แต่จากข้อตกลงที่ลงนามกลับเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ง่ายนัก
ตามข้อตกลงฉบับนี้ มาตรการต่างๆเพื่อคลี่คลายความตึงเครียดในยูเครน ทั้งการปลดอาวุธของกลุ่มติดอาวุธต่างๆและการนิรโทษกรรมให้แก่บรรดาผู้ชุมนุมที่บุกยึดสถานที่ราชการในภาคตะวันออกยังคงเป็นแผนการที่อยู่ในกระดาษเท่านั้นและวิธีการที่ทุกฝ่ายกำลังปฏิบัติตามคำมั่นนี้ก็กำลังเดินผิดทาง ซึ่งก่อนอื่นคือ ทางการเคียฟและผู้ชุมนุมที่เรียกร้องให้แบ่งแยกดินแดนไม่สามารถสนทนากันเพื่อแสวงหาเสียงพูดเดียวกันได้ บรรดาผู้ชุมนุมแถลงว่า ไม่ยอมรับรัฐบาลรักษาการปัจจุบันและไม่ยอมออกจากสถานที่ราชการที่บุกยึดจนกว่ารัฐบาลรักษาการจะลาออกจากตำแหน่ง  ส่วนเมื่อวันที่๒๒เมษายน ทางการของนายโอเล็กซานเดอร์ ตูร์ซีนอฟรักษาการประธานาธิบดียูเครนได้ออกคำสั่งรื้อฟื้นยุทธนาการทางทหารต่อต้านผู้ชุมนุมในภาคตะวันออกที่เคยถูกระงับก่อนการเจรจา๔ฝ่ายที่นครเจนีวาแทนการถอนทหารออกจากภาคตะวันออกและสนทนากับฝ่ายต่างๆในทุกภาค

สถานการณ์ทวิความรุนแรงมากขึ้น

ประธานาธิบดีรักษาการโอเล็กซานเดอร์ ตูร์ซีนอฟได้ตัดสินใจอนุมัติแผนการดังกล่าวหลังจากที่นายโจ ไบเดน รองประธานาธิบดีสหรัฐเสร็จสิ้นการเยือนกรุงเคียฟเป็นเวลา๒วันเพียงไม่กี่ชั่วโมง ในการเยือน วอชิงตันไม่เพียงแต่แสดงการสนับสนุนความพยายามปฏิรูปของทางการเคียฟอย่างเปิดเผยผ่านวงเงินช่วยเหลือก้อนใหญ่เท่านั้นหากยังส่งสัญญาณถึงทางการมอสโคว์ว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องยุติการสนทนาและเริ่มลงมือปฏิบัติ สหรัฐได้กล่าวหารัสเซียว่า ใช้กองทัพอย่างลับๆเพื่อยั่วยุผู้ชุมนุมในภาคตะวันออกยูเครนและทหารรัสเซีย๔หมื่นนายที่กำลังประจำการในบริเวณชายแดนติดกับยูเครนเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่า กลุ่มแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกยูเครนกำลังได้รับการหนุนหลังจากรัสเซีย สหรัฐยังแถลงว่า กำลังไตร่ครองถึงมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อรัสเซียถ้ารัสเซียไม่มีปฏิบัติการเพื่อปรับปรุงสถานการณ์ในยูเครนให้ดีขึ้น

ส่วนรัสเซียได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาแทรกแซงทางทหารต่อยูเครนและกล่าวหาสหรัฐและทางการเคียฟว่า กำลังจงใจเข้าใจผิดเกี่ยวกับข้อตกลง ข้อตกลงระบุถึงคำเรียกร้องให้กลุ่มติดอาวุธยอมวางอาวูธ แต่ทางการเคียฟและวอชิงตันกลับต้องการให้พลเมืองในภาคตะวันออกยูเครนซึ่งกำลังปกป้องสิทธิผลประโยชน์ของตนวางอาวุธเท่านั้นพร้อมทั้งเมินเฉยต่อปฏิบัติการยั่วยุของกลุ่มหันรุนแรงและกลุ่มชาตินิยมในยูเครน

รัสเซียเห็นว่า สิ่งที่ทางการเคียฟควรทำทันทีในปัจจุบันคือ ยกเลิกคำสั่งให้กองทัพต่อต้านประชาชน ปลดอาวุธของหน่วยรบขององค์กรหัวรุนแรงขวาจัดและกลุ่มหัวรุนแรงอื่นๆ ทำการปฏิรูปรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัดและคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนในทุกภาคของยูเครน แต่น่าเสียดายที่นายโอเล็กซานเดอร์ ตูร์ซีนอฟรักษาการประธานาธิบดียูเครนเพิ่งออกคำสั่งรื้อฟื้นกิจกรรมทางทหารในภาคตะวันออก ส่วนสหรัฐก็ส่งเรือติดระบบป้องกันขีปนาวุธไปยังทะเลดำซึ่งทำให้สถานการณ์ในยูเครนมีความตึงเตรียดยิ่งขึ้น รัสเซียเห็นว่า การเยือนกรุงเคียฟของรองประธานาธิบดีสหรัฐโจ ไบเดนและทางการยูเครนรื้อฟื้นยุทธนาการทางทหารหลังจากนั้นทันทีเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า สหรัฐกำลังหนุนหลังยูเครนปัจจุบันและสหรัฐจะต้องรับผิดชอบต่อวิกฤติในยูเครนปัจจุบัน

เหลือเวลาอีกไม่มากต่อข้อตกลงสันติภาพ

คำกล่าวหากันระหว่างฝ่ายต่างๆกำลังทำให้ข้อตกลง๔ฝ่ายที่ได้บรรลุในนครเจนีวาตกเข้าสู่ภาวะชงักงัน ความอดทนของทุกฝ่ายดูเหมือนว่ากำลังจะหมดสิ้นลงเมื่อระยะเวลาปฏิบัติข้อตกลงฉบับนี้เหลือไม่มากนัก ประชามติเห็นว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในปัจจุบันคือ ผู้นำยูเครนและบรรดาผู้ชุมนุมต้องสนทนากันพื่อแสวงหามาตรการที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ ประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐและรัสเซียต้องแสดงให้เห็นถึงบทบาทฟื้นฟูสันติภาพ ไม่ปล่อยให้เกิดการปะทะนองเลือดในยูเครน แต่ความผันผวนในปัจจุบันทำให้ประชามติยากที่จะตั้งความหวังว่า วิกฤตในยูเครนจะคลี่คลายลงหากกลับมีความตึงเครียดขึ้นต่อไป./.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด