ความตึงเครียดเกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาเยรูซาเลม
Anh Huyen/VOV5 -  
(VOVWORLD) - กระแสความไม่พอใจต่อการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐได้ตัดสินใจรับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลนับวันรุนแรงมากขึ้นในโลกอาหรับและในชุมชนชาวมุสลิม จนทำให้เกิดการชุมนุมประท้วงทั้งในตะวันออกกลางและในหลายประเทศมุสลิม ซึ่งกำลังทำให้สถานการณ์ในภูมิภาคตะวันออกกลางตกเข้าสู่ความไร้เสถียรภาพที่รุนแรงถ้าประชาคมระหว่างประเทศไม่สามารถแสวงหามาตรการแก้ไขทันที
ตำรวจอิสราเอลจับกุมผู้ที่สร้างความไร้เสถียรภาพในเยรูซาเลมตะวันออก (THX) |
ความรุนแรงได้เกิดขึ้นภายหลัง 1 วันที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์หาการตัดสินใจที่สุ่มเสี่ยงเกี่ยวกับเขตเยรูซาเลม โดยในหลายวันที่ผ่านมา ในเขตเยรูซาเลมตะวันออก มีชาวปาเลสไตน์ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 1,400 คนเนื่องจากการปะทะกับกองกำลังรักษาความมั่นคงของอิสราเอล และถึงขณะนี้ กระแสความไม่พอใจก็ไม่มีสัญญาที่บ่งบอกว่าจะยุติลงเมื่อใด
กระแสการชุมนุมประท้วงบานปลายอย่างรวดเร็ว
ที่เยรูซาเลม กองกำลังรักษาความมั่นคงของอิสราเอลได้ใช้แก๊สน้ำตาและระเบิดควันเพื่อสลายกลุ่มผู้ชุมนุมที่ประท้วงการตัดสินใจของสหรัฐพร้อมตะโกนคำควัญว่า เยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของปาเลสไตน์และความตึงเครียดทวีความรุนแรงมากขึ้นหลังจากที่เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงอิสราเอลถูกแทงในเขตเยรูซาเลมตะวันออกเมื่อวันที่ 10 ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้มีการโต้ตอบอย่างแข็งกร้าวมากขึ้นจากรัฐของชาวยิว
ที่เมืองเบธเลเฮมในเขตเวสแบงค์ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเยรูซาเลมประมาณ 10 ก.ม. ก็มีผู้เข้าร่วมชุมนุมนับพันคนและสถานการณ์ได้บานปลายโดยตำรวจอิสราเอลได้ยิงแก๊สน้ำตาไส่กลุ่มผู้ชุมนุม
ทั้งนี้เยรูซาเลมและเบธเลเฮมเป็นแค่ส่วนหนึ่งในภาพรวมของความไม่พอใจของโลกอาหรับและมุสลิมเมื่อสหรัฐรับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล การชุมนุมประท้วงไม่เพียงแต่เกิดขึ้นในประเทศมุสลิมที่ให้การสนับสนุนชาวปาเลสไตน์เท่านั้น หากยังเกิดขึ้นในบรรดาประเทศพันธมิตรของสหรัฐอีกด้วย โดยเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม มีผู้คน 2,500 คนได้ชุมนุมประท้วงที่บริเวณหน้าสถานทูตสหรัฐประจำเยอรมนีเพื่อแสดงความสามัคคีกับรัฐปาเลสไตน์และประท้วงการตัดสินใจของวอชิงตัน และสถานการณ์ได้รุนแรงมากขึ้นเมื่อมีการเผาธงชาติของอิสราเอลจนทำให้รัฐบาลเยอรมนีต้องเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมใช้ความอดกลั้น ไม่ยุยงสร้างความเกลียดชังชาวยิว ที่เลบานอน กองกำลังรักษาความมั่นคงเลบานอนต้องยิงแก๊สน้ำตาและใช้ปืนฉีกน้ำแรงดันสูงเพื่อสลายการชุมนุมที่บริเวณใกล้สถานทูตสหรัฐในกรุงเบรุต ในขณะเดียวกัน ที่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีชาวมุสลิมมากที่สุดในโลก ประชาชนนับพันคนก็ได้ชุมนุมประท้วงที่หน้าสถานทูตสหรัฐในตลอด 3 วันที่ผ่านมาเพื่อแสดงความสามัคคีกับประชาชนปาเลสไตน์ นอกจากนี้ การชุมนุมยังมีขึ้นในกว่า 10 เมืองทั้งที่อินโดนีเซีย ประเทศโมร๊อกโค ตุรกี อียิปต์และในดินแดนของปาเลสไตน์
ชาวปาเลสไตน์คนหนึ่งกว้างก้อนหินใส่ตำรวจอิสราเอล (THX) |
มีความเป็นไปได้สูงที่ตะวันออกกลางตกเข้าสู่สถานการณ์ที่ไร้เสถียรภาพอย่างรุนแรง
การตัดสินใจของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่เพียงแต่สร้างกระแสประท้วงคัดค้านอย่างรุนแรงในโลกอาหรับและมุสลิมเท่านั้น หากยังสร้างความแตกร้าวในความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างบรรดาประเทศตะวันออกกลางอีกด้วย โดยตุรกีได้ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอลและเรียกร้องให้องค์การความร่วมมืออิสลามจัดการประชุมฉุกเฉิน ณ เมืองอิสตันบูลในวันที่ 13 ธันวาคม ส่วนประธานาธิบดีปาเลสไตน์ มามุด อับบาสได้ประกาศว่า ไม่ต้อนรับรองประธานาธิบดีสหรัฐ ไมค์ เพนซ์ที่จะมาเยือนตะวันออกกลางในเร็วๆนี้และจะไม่มีการสนทนาใดๆ ปาเลสไตน์จะแสวงหาคนกลางใหม่ในการสนทนาสันติภาพแทนสหรัฐและแสวงหามติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับเยรูซาเลม
ปัจจุบันนี้ ความพยายามทางการทูตกำลังมีขึ้นอย่างเข้มแข็งเพื่อคลี่คลายความตึงเครียด โดยประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครงได้เร่งรัดให้นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮูยุติการก่อสร้างเขตตั้งถิ่นฐานใหม่ของชาวยิวและมี “ก้าวเดินที่เข้มแข็ง” ต่อชาวปาเลสไตน์เพื่อทำลายความ “ชะงักงัน” ของวิกฤตอิสราเอล – ปาเลสไตน์ แต่ “ก้าวเดิน”นั้นจะเป็นเช่นไรทุกฝ่ายก็ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน.
Anh Huyen/VOV5