ค้ำประกันชีวิตที่อิ่มหนำผาสุกและสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์

(VOVworld)- วันที่10ธันวาคมเมื่อ67ปีก่อน สมัชชาแห่งสหประชาชาติได้อนุมัติ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ที่กรุงปารีสประเทศฝรั่งเศสและได้มีการแปรเป็นกว่า375ภาษา ซึ่งนับเป็นแบบฉบับให้ประเทศและประชาชาติต่างๆทั่วโลกมุ่งถึง ส่วนในเวียดนามตลอด70ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่มีการสถาปนาประเทศอย่างเป็นทาง การ เวียดนามสามารถบรรลุผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนซึ่งได้สะท้อน ให้เห็นในทุกด้านของชีวิตสังคม

(VOVworld)- วันที่10ธันวาคมเมื่อ67ปีก่อน สมัชชาแห่งสหประชาชาติได้อนุมัติ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ที่กรุงปารีสประเทศฝรั่งเศสและได้มีการแปรเป็นกว่า375ภาษา ซึ่งนับเป็นแบบฉบับให้ประเทศและประชาชาติต่างๆทั่วโลกมุ่งถึง ส่วนในเวียดนามตลอด70ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่มีการสถาปนาประเทศอย่างเป็นทางการ เวียดนามสามารถบรรลุผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนซึ่งได้สะท้อนให้เห็นในทุกด้านของชีวิตสังคม

ค้ำประกันชีวิตที่อิ่มหนำผาสุกและสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ - ảnh 1
ประธานโฮจิมินห์เคยกล่าวว่า “เมื่อประเทศมีเอกราชและเสรีภาพแต่ประชาชนไม่มีความสุขสิ่งเหล่านี้ก็ไร้ความหมาย”

นับตั้งแต่ช่วงเริ่มทำการปฏิวัติ พรรคและรัฐเวียดนามได้ยืนยันถึงแก่นแท้ของระบอบคือเพื่อมนุษย์เพื่อสิทธิเสรีภาพของมนุษย์และในตลอด70ปีที่ผ่านมาทุกปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนต่างได้ก็รับการยืนยันและระบุอย่างชัดเจนในกฎหมาย ส่วนการปฏิบัตินโยบายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิต่างๆของมนุษย์ก็ได้รับการค้ำประกันในทุกด้านของชีวิตสังคมเช่นเดียวกับการสร้างเงื่อนไขเพื่อค้ำประกันสวัสดิการของมนุษย์

ทุกคนมีสิทธิ์ใช้ชีวิตอย่างผาสุก

หลังจากที่ประเทศได้รับเอกราช ประธานโฮจิมินห์ได้ย้ำถึงปัญหาดังกล่าวในการตอบสัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่า “ข้าพเจ้ามีความปรารถนาอันแรงกล้าเพียงอย่างเดียวคือทำอย่างไรให้ประเทศมีเอกราช ประชาชนใช้ชีวิตอย่างเสรี มีข้าวกินมีเสื้อผ้าใส่และมีโอกาสได้เรียนหนังสือ”ซึ่งการที่จะมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าใส่และมีโอกาสเรียนหนังสือคือเงื่อนไขขั้นพื้นฐานเพื่อค้ำประกันชีวิตที่ผาสุกของประชาชนในประเทศที่เพิ่งได้รับเอกราช เสรีภาพกลับคืนมา ศ.ดร.ตะหงอกเติ๊น ผู้อำนวยการสถาบันการเมืองรัฐศาสตร์แห่งชาติโฮจิมินห์ได้กล่าวว่า“สิทธิได้มีชีวิตในสันติสุขนั้นต้องแลกด้วยเลือดเนื้อและสติปัญญาของชาวเวียดนามรุ่นต่างๆ ซึ่งประธานโฮจิมินห์เคยกล่าวว่า “เมื่อประเทศมีเอกราชและเสรีภาพแต่ประชาชนไม่มีความสุขสิ่งเหล่านี้ก็ไร้ความหมาย” ดังนั้นเพื่อปฏิบัติความปรารถนาของลุงโฮก็ต้องดำเนินกระบวนการสร้างสรรค์ ฝ่าฟันอุปสรรค์ความท้าทายตลอดจนความผิดพลาดเป็นเวลานานเพื่อเป้าหมายสุดท้ายคือสร้างสรรค์ชีวิตที่ผาสุกให้แก่ประชาชน”

กฎหมายด้านสิทธิมนึษยชนนับวันมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

70ปีที่ผ่านมา ผลงานต่างๆที่เวียดนามได้บรรลุในด้านสิทธิมนุษยชนได้สะท้อนให้หลายมิติ โดยเฉพาะการระบุปัญหาเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนเข้าในกฎหมายและการสร้างสรรค์นิติรัฐ ซึ่งที่น่าสนใจคือในรัฐธรรมนูญปี2013ก็มี36ข้อที่ระบุเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ซึ่งครอบคลุมในทุกด้านของชีวิตสังคมทั้งด้านวัตถุและจิตใจตลอดจนเงื่อนไขเพื่อค้ำประกันสวัสดิการของมนุษย์ ศ.ดร.หวอแค้งวิง จากสถาบันวิทยาศาสตร์สังคมศาสตร์เวียดนามเผยว่า“เมื่อเทียบกับรัฐธรรมนูญของประเทศต่างๆ เราสามารถสร้างก้าวกระโดดใหม่ในการร่างกฎหมาย โดยแนวทางที่สำคัญในกระบวนการปรับปรุงระบบกฎหมายให้มีความสมบูรณ์เพื่อเสริมให้แก่รัฐธรรมนูญปี2013นั้นก็เน้นความสำคัญต่อสิทธิมนุษยชน ในกระบวนการร่างและบังคับใช้กฎหมายเวียดนามได้ศึกษาระบบกฎหมายสากลและเป็นภาคี7ใน9อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชน  ซึ่งนับเป็นผลสำเร็จในการร่างกฎหมายแต่ภารกิจที่ต้องทำต่อไปคือต้องปรับปรุงให้มีความสมบูรณ์”

นับตั้งแต่ปี2009-2015 รัฐสภาได้ประกาศใช้และปรับปรุงกฎหมายที่สำคัญ25รายการเพื่อสร้างพื้นฐานทางนิตินัยที่สมบูรณ์และมั่นคงให้แก่การให้ความเคารพและค้ำประกันการปฏิบัติสิทธิของมนุษย์ นอกจากนั้นรัฐบาลได้อนุมัติและปฏิบัติ41ยุทธศาสตร์และโครงการแห่งชาติเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมโดยมีการให้ความสนใจต่อกลุ่มเป้าหมายที่อ่อนแอในสังคม ดร.ฟานวันหุ่ง รองหัวหน้าคณะกรรมการชาติพันธุ์เผยว่า เฉพาะนโยบายด้านชนเผ่าก็มีมากกว่า200ฉบับที่ครอบคลุมชีวิตความเป็นอยู่ในทุกด้าน“จนถึงปัจจุบันกฎระเบียบต่างๆที่กำลังใช้นั้นได้สะท้อนให้เห็นสิทธิขั้นพื้นฐานของชนกลุ่มน้อยที่ถูกระบุในมาตราที่5ของรัฐธรรมนูญ พวกเราประสบความสำเร็จในการปฏิบัตินโยบายลดความยากจนและได้รับการชื่นชมจากนานาชาติ โดยแต่ละปีสามารถลดอัตราความยากจนได้ร้อยละ4-5 ส่วนในด้านการศึกษา สามารถเสร็จสิ้นการปฏิบัติโครงการศึกษาภาคบังคับระดับประถมและมัธยมต้น”

เดินหน้าในการปฏิบัติเป้าหมายแห่งสหัสวรรษเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน

เวียดนามก็เป็นประเทศเดินหน้าในการปฏิบัติเป้าหมายแห่งสหัสวรรษตามอนุสัญญาระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ซึ่งนี่คือพลังขับเคลื่อนเพื่อปกป้องอธิปไตยแห่งชาติที่ประชาคมระหว่างประเทศได้ยืนยันรับรอง รองศ.ดร.ดั๋งจี๊หยุงจากสถาบันวิจัยสิทธิมนุษยชนแห่งสถาบันการเมืองรัฐศาสตร์โฮจิมินห์เผยว่า ในระยะใหม่เวียดนามต้องยกระดับจิตสำนึกของประชาชนเกี่ยวกับสิทธิต่างๆของมนุษย์ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ข้าราชการซึ่งสิ่งนี้เรียกร้องให้หน่วยงานนิติบัญญัติต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆเพื่อปกป้องสิทธิของมนุษย์ตามที่ระบุในรัฐธรรมนูญ

จนถึงปัจจุบัน เวียดนามได้ประกาศใช้และปฏิบัติยุทธศาสตร์การปฏิรูปตุลาการถึงปี2020เพื่อสร้างพื้นฐานทางนิตินัยให้แก่การค้ำประกันสิทธิมนุษยชนในชีวิตสังคมเพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเสรี เสมอภาคและผาสุก.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด