(VOVWORLD) -วันนี้ 7 พฤษภาคม เวียดนามรำลึกครบรอบ 70 ปีชัยชนะเดียนเบียนฟู ซึ่งเป็นชัยชนะที่สร้างนิมิตหมายในประวัติศาสตร์โลก ชัยชนะเดียนเบียนฟูไม่เพียงแต่ยืนยันถึงพลังแห่งความสามัคคีของประชาชาติเวียดนามเท่านั้น หากยังเป็นจุดเด่นในประวัติศาสตร์แห่งการปลดปล่อยประชาชาติในโลก สร้างขวัญกำลังใจให้แก่ประชาชาติที่ใฝ่สันติภาพ ผลักดันขบวนการปลดปล่อยประชาชาติในทั่วโลก
นาย Alain Ruscio นักประวัติศาสตร์ชาวฝรั่งเศส |
ชัยชนะเดียนเบียนฟูถือเป็นกำลังใจแก่ประชาชาติต่างๆ ที่ถูกกดขี่ขูดรีดในช่วงนั้นให้ยืนหยัดทำการต่อสู้
ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่
นาย Alain Ruscio นักประวัติศาสตร์ชาวฝรั่งเศสได้ยืนยันว่า ชัยชนะเดียนเบียนฟูได้บังคับให้ฝรั่งเศสยอมนั่งเจรจาเพื่อลงนามข้อตกลงเจนีวา นำสันติภาพมาให้แก่เวียดนาม นี่เป็นความสำเร็จในการผสานพลังของจิตใจแห่งความรักชาติและความปรารถนาในสันติภาพของประชาชนเวียดนามภายใต้การนำของประธานโฮจิมินห์
“เดียนเบียนฟูเป็นนิมิตหมายที่สำคัญของประวัติศาสตร์เวียดนาม นี่เป็นผลงานของการต่อสู้ที่ยากลำบากเพราะในช่วงแรก ทหารของพลเอก หวอเงวียนย๊าปถูกโดดเดี่ยว แต่หลังจากนั้น ความผันผวนของการต่อสู้ได้เปลี่ยนแปลงด้วยแนวคิด “สงครามประชาชน” นี่ไม่ใช่แค่เป็นการสู้รบระหว่างทหารเท่านั้น หากมีความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ ความเสียสละและความตั้งใจของทั้งประชาชาติอีกด้วย”
ส่วนศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ Vong So Theara หัวหน้าภาควิชาประวัติศาสตร์กัมพูชาและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มหาวิทยาลัยรอยัลกัมพูชา เผยว่า ชัยชนะเดียนเบียนฟูได้บังคังให้ฝรั่งเศสนั่งเจรจา ซึ่งชัยชนะนี้มีความหมายที่ยิ่งใหญ่บนเวทีโลกและประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่กองทัพของประเทศที่เคยตกเป็นอาณานิคมในภูมิภาคเอเชียมีชัยเหนือกองทัพที่ทันสมัยของประเทศมหาอำนาจในยุโรป ซึ่งบังคับให้ฝรั่งเศสต้องทำการเจรจาและถอนทหารออกจากอินโดจีน
“ความล้มเหลวของฝรั่งเศสในสมรภูมิเดียนเบียนฟูมีความหมายที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง ชัยชนะเดียนเบียนฟูถือเป็นการชูธงแห่งชัยชนะของเวียดนามและประชาชนในอินโดจีน”
ชัยชนะอันยิ่งใหญ่นี้ได้ช่วยให้ประชาชาติเวียดนาม ลาวและกัมพูชาสามัคคีกัน สร้างพลังร่วมที่นำไปสู่ความสำเร็จในแต่ละประเทศ ศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ Vong So Theara ได้ย้ำว่า
“ในการต่อสู้ร่วม พวกเราได้สามัคคีกัน เมื่อทั้งสามประเทศจัดตั้งกองกำลังปฏิวัติเพื่อต่อต้านแอกปกครองของลัทธิอาณานิคมก็ได้ประสบความสำเร็จต่างๆ โดยเฉพาะหลังจากที่ฝรั่งเศสประสบความล้มเหลวในเดียนเบียนฟู ซึ่งช่วยให้การประชุมเจนีวาประสบความสำเร็จ ฝรั่งเศสต้องรับรองเอกราชของทั้งเวียดนาม ลาวและกัมพูชา”
นาย Reda El Taify เคยดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตอียิปต์ประจำเวียดนามในช่วงปี 2010 –2024 |
ความหมายแห่งยุคสมัย
ชัยชนะเดียนเบียนฟูไม่เพียงแต่ยุติแอกปกครองของลัทธิอาณานิคมใน 3 ประเทศอินโดจีนเท่านั้นหากยังเปิดหน้าใหม่ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติอีกด้วย จากความสำเร็จนี้ จิตใจเดียนเบียนฟูของประชาชนเวียดนามได้สร้างขวัญกำลังใจให้แก่ประเทศอาณานิคมต่างๆในการทำการต่อสู้เพื่อช่วงชิงเอกราช ยุติลัทธิล่าอาณานิคมในโลก นาย Reda El Taify เคยดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตอียิปต์ประจำเวียดนามในช่วงปี 2010 –2014 ได้ยืนยันว่า ยุทธนาการเดียนเบียนฟูเป็นหนึ่งในการต่อสู้ที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์โลก
"อาจกล่าวได้ว่า ยุทธนาการเดียนเบียนฟูเป็นหนึ่งในการต่อสู้ที่สำคัญในประวัติศาสตร์โลก เทียบเท่ากับยุทธนาการที่โด่งดังอย่าง การรบแห่งวอเตอร์ลู การโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ การยกพลขึ้นบกที่นอร์ม็องดี เป็นต้น ยุทธนาการเดียนเบียนฟูได้ยุติลัทธิล่าอณานิคมของฝรั่งเศสในเวียดนามและทั่วภูมิภาคเอเชีย”
ชัยชนะเดียนเบียนฟูยังได้สร้างขวัญกำลังใจให้แก่ขบวนการต่อสู้เพื่อปลดปล่อยประชาชาชาติในทั้งภูมิภาคเอเชีย แอฟริกาและลาตินอมเริกา นาย Reda El Taify ยืนยันว่า
“ชาวเวียดนามมีความภาคภูมิใจเกี่ยวกับชัยชนะเดียนเบียนฟู ประชาชนในภูมิภาคตะวันออกกลางและโลกอาหรับไม่สามารถลืมเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์นี้ได้เพราะผู้นำแอฟริกาส่วนใหญ่ได้ถอดบทเรียนที่มีค่าจากชัยชนะเดียนเบียนฟูเพื่อวางยุทธศาสตร์การต่อสู้เพื่อขจัดลัทธิล่าอาณานิคม”
ส่วนนาย Leonard Lema เลขาธิการกองเยาวชนคอมมิวนิสต์เมืองSaint Pierre des Corpsได้เผยว่า
“ชัยชนะเดียนเบียนฟูได้ส่งผลที่ยิ่งใหญ่ต่อขบวนการปลดปล่อยประชาชาติในภูมิภาคต่างๆ จากการเป็นชาวฝรั่งเศสเชื้อสายอเมริกาใต้ ผมเคยฟังเรื่องเล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้จากสมาชิกในครอบครัว สำหรับพ่อของผม ชัยชนะเดียนเบียนฟูเป็นชัยชนะแห่งสัญลักษณ์ เราสามารถเห็นชัยชนะในลักษณะเดียวกันที่แอลจีเรียและประเทศที่ถูกกดขี่ขูดรีด”
ชัยชนะเดียนเบียนฟูเป็นชัยชนะที่มีความหมายแห่งยุคสมัย มีความหมายในทั่วโลก นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ประชาชาติที่ถูกกดขี่ขูดรีดได้ทำลายแผนการรุกรานของประเทศมหาอำนาจ ช่วงชิงเอกราชให้แก่ประชาชาติ นำสิทธิการเป็นเจ้ากลับคืนสู่ประชาชน นี่เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของประชาชนเวียดนาม เป็นความสำเร็จร่วมของทุกประชาชาติที่ถูกกดขี่ขูดรีดในโลก ภายหลัง 70 ปี บรรดานักวิชาการ นักวิจัยประวัติศาสตร์ในโลกต่างให้ข้อสังเกตว่า บทเรียนจากชัยชนะเดียนเบียนฟูเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมปี 1954 ยังคงทรงคุณค่า เวียดนามเป็นประเทศเดินหน้าและตัวอย่างของขบวนการต่อสู้ปลดปล่อยประชาชาติ เปิดหน้าใหม่ให้แก่ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ.