นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง กล่าวปราศรัยในการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ

การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับตองกาในกรอบการประชุมสมัชชาใหญ่สหประประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อบ่ายวันที่ 21 กันยายนทำให้ปัจจุบันเวียดนามมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับ 193 ประเทศ มีความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้าน หุ้นส่วนยุทธศาสตร์และหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านกับ 30 ประเทศ รวมถึง 5 ประเทศสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและทุกประเทศใหญ่ๆ ทั่วโลก

กิจกรรมและตัวเลขที่น่าประทับใจและมากด้วยความหมาย

ในกรอบภารกิจในประเทศสหรัฐและบราซิลเป็นเวลา 8 วัน นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้เข้าร่วมกว่า  70 กิจกรรมในเมืองซานฟรานซิสโก กรุงวอชิงตัน ดี.ซี นครนิวยอร์ก เซาเปาโลและกรุงบราซิเลีย ส่วนในกรอบการเยือนประเทศบังกลาเทศและบัลแกเรีย ประธานสภาแห่งชาติ เวืองดิ่งเหวะ ก็ได้เข้าร่วมประมาณ 70 กิจกรรมเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับบังกลาเทศและบัลแกเรียในด้านต่างๆ เช่น วัฒนธรรม การท่องเที่ยวและความร่วมมือระดับท้องถิ่น ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า เวียดนามได้สร้างนิมิตหมายในฟอรั่มและการประชุมระดับสูงในภูมิภาคและโลก เช่น สหประชาชาติ กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก  หรือ จี7 การประชุมผู้นำอาเซียน การประชุมผู้นำเอเชียตะวันออก หรือ EAS ฟอรั่มความร่วมมือเอเชีย-ยุโรป หรือ ASEM ฟอรั่มความร่วมมือด้านเศรษฐกิจภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก หรือ APEC เป็นต้น ในด้านเศรษฐกิจ เวียดนามได้ลงนามข้อตกลงการค้าเสรี หรือ FTA รวม 16 ฉบับ กับ 60 เศรษฐกิจ รวมถึงประเทศอุตสาหกรรม ส่วนในการเข้าร่วมกิจกรรมรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในตลอด 9 ปีที่ผ่านมา เวียดนามได้มีส่วนร่วมที่เข้มแข็งและได้รับการชื่นชมว่า เป็นตัวอย่างที่สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ประเทศอื่นๆ ในด้านนี้

ภาพการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนระหว่างประธานสภาแห่งชาติ เวืองดิ่งเหวะกับนาย Rosen Zhelyazkov ประธานรัฐสภาบัลแกเรีย

จากการสรุปภาพรวมนี้แสดงให้เห็นว่า เวียดนามได้สร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างกว้างลึก ซึ่งเป็นพื้นฐานที่มั่นคงให้แก่การยกระดับสถานะของประเทศบนเวทีโลก โดยการทูตพหุภาคีได้ช่วยยกระดับชื่อเสียงของเวียดนามในความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีกับหุ้นส่วนที่สำคัญ รวมถึงประเทศใหญ่ๆ ส่วนความสัมพันธ์ทวิภาคีต่างๆได้เอื้อประโยชน์ให้แก่เวียดนามในการทูตพหุภาคีเพื่อยกระดับสถานะและบทบาทของเวียดนาม สร้างพื้นฐานให้แก่ความร่วมมือกับประเทศต่างๆ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน มีส่วนร่วมต่อสันติภาพ  เสถียรภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาในภูมิภาคและโลก

อันเป็นการแสดงให้เห็นถึงยุทธศาสตร์การต่างประเทศด้วยแนวทางและการพัฒนาในยุคใหม่

ปัจจุบัน เวียดนามกำลังปฏิบัติเสาหลักและกิจกรรมการทูตอย่างรอบด้านและพร้อมเพรียงด้วยแนวทางการพัฒนาในยุคใหม่ โดยการเยือนต่างประเทศ การพบปะระดับสูง การเข้าร่วมการประชุมระดับสูงของผู้นำพรรคและรัฐเวียดนามมีวัตถุประสงค์ต่างๆและมีการสอดแทรกด้านต่างๆ ไม่ว่าจะในด้านการเมือง ความมั่นคง การทูต เศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี วัฒนธรรมและการศึกษา ซึ่งสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนผ่านกิจกรรมการต่างประเทศของเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ประธานประเทศ นายกรัฐมนตรีและประธานสภาแห่งชาติกับประเทศจีน สหรัฐ ลาว รัสเซียและญี่ปุ่นในเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังจากที่เวียดนามและสหรัฐได้ยกระดับความสัมพันธ์ให้เป็นหุ้นส่วนยุทศาสตร์ในทุกด้าน ในโอกาสเข้าร่วมการประชุทสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้พบปะกับเจ้าหน้าที่และองค์กรต่างๆของสหรัฐเพื่อแปรความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน การอบรมแหล่งบุคลากรและอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงให้เป็นโครงการต่างๆที่เป็นรูปธรรม ซึ่งนี่เป็นการปฏิบัติเสาหลักทางการทูตระหว่างเวียดนามกับหุ้นส่วนต่างๆอย่างพร้อมเพรียงและทันการณ์

ประธานสภาแห่งชาติ เวืองดิ่งเหวะกับประธานคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของรัฐสภาบังกลาเทศ

นอกจากเข้าร่วมกิจกรรมการต่างประเทศอย่างเข้มแข็งแล้ว การที่เวียดนามได้ลงนามในเอกสารต่างๆทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี ประเทศต่างๆให้การสนับสนุนเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกขององค์กรต่างๆของสหประชาชาติและองค์กรระหว่างประเทศด้วยเสียงสนับสนุนข้างมาก ให้ความร่วมมือและช่วยเหลือเวียดนามในช่วงที่ประสบความยากลำบากเป็นการพิสูจน์อย่างมีชีวิตชีวาเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพของกิจกรรมการต่างประเทศของเวียดนามในสภาวการณ์ที่สถานการณ์โลกมีความผันผวนอย่างซับซ้อนและยากที่จะคาดเดาได้

ความสำเร็จของกิจกรรมการต่างประเทศของนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้งและประธานสภาแห่งชาติ เวืองดิ่งเหวะ รวมถึงกิจกรรมการทูตและตัวเลขต่างๆได้ส่งสารเกี่ยวกับคุณค่าและผลสำเร็จของประเทศและคนเวียดนาม นั่นคือการพัฒนาอย่างคล่องตัว การเปลี่ยนแปลงใหม่และผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างรอบด้าน กว้างลึก มีประสิทธิภาพ มีส่วนร่วมที่เข้มแข็งในเชิงรุก มีความรับผิดชอบและร่วมกับประชาคมโลกในการแก้ไขปัญหาระดับโลกต่าง ๆ.