ปิดชายแดนเพื่อควบคุมการแพ่ระบาดของโรคโควิด -19

(VOVWORLD) - การแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของโรคโควิด – 19 ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงทำให้หลายประเทศต้องปฏิบัติมาตรการรับมืออย่างเด็ดขาด รวมทั้งการปรับปรุงนโยบายการต่างประเทศอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ปิดชายแดนเพื่อควบคุมการแพ่ระบาดของโรคโควิด -19  - ảnh 1Photo AFP/ VNplus

ถึงขณะนี้ โรคโควิด – 19 ได้แพร่ระบาดในเกือบ 180 ประเทศและดินแดน โดยมีผู้ติดเชื้อกว่า 245,000 ราย มีผู้เสียชีวิตกว่า 10,000 รายและในบางประเทศ เช่น อิตาลีและอิหร่าน อัตราผู้เสียชีวิตอยู่ในระดับสูง การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ได้ส่งผลกระทบในเกือบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ วัฒนธรรม การกีฬาและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะนโยบายการต่างประเทศของหลายประเทศ ในความเป็นจริง เพื่อรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ควบคู่กับการใช้มาตรการที่เข้มแข็งภายในประเทศ เช่น ห้ามชุมนม ปิดล้อมพื้นที่ระบาด งดจัดกิจกรรมวัฒนธรรม กีฬา และปิดโรงเรียน เป็นต้น ประเทศต่างๆยังมีมาตรการต่างประเทศที่เข้มแข็ง ไม่ว่าจะเป็นการปิดชายแดน ยกเลิกเที่ยวบิน ระงับการเข้าเมืองชั่วคราวพร้อมเพิ่มเงื่อนไขที่เข้มงวดในการเข้าเมืองและห้ามส่งออกอุปกรณ์การแพทย์ เป็นต้น

ปิดชายแดนและระงับการเข้าเมือง

เวลานี้ หนึ่งในการปรับปรุงมาตรการด้านการต่างประเทศที่เข้มแข็งที่สุดของหลายประเทศคือ การปิดชายแดน ซึ่งที่น่าสนใจคือสหภาพยุโรปได้ตัดสินใจปิดชายแดนทั้ง 30 ประเทศ ประกอบด้วย 26 ประเทศสมาชิกและประเทศกลุ่ม Schengen เป็นเวลา 30 วันนับตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม เพราะยุโรปกำลังเป็นศูนย์กลางแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 โดยแต่ละวันมีผู้ติดเชื้อรายใหม่นับหมื่นราย

ในขณะเดียวกัน สหรัฐและแคนาดาได้เห็นพ้องปิดชายแดนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดแม้สหรัฐเป็นประเทศสุดท้ายที่แคนาดาห้ามพลเมืองเข้าแคนาดาก็ตาม ก่อนหน้านั้น รัสเซียได้ตัดสินใจปิดชายแดน ห้ามชาวต่างชาติเข้ารัสเซียตั้งแต่เวลา 00.00น ของวันที่ 17 มีนาคม – 1 พฤษภาคม

ส่วนเมื่อวันที่ 19 มีนาคม รัฐบาลออสเตรเลียได้ประกาศปิดชายแดน ห้ามชาวต่างชาติเข้าเมือง ซึ่งคำสั่งนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ค่ำวันที่ 20 มีนาคม รวมทั้งทางการท้องถิ่นไต้หวันก็มีการประกาศในลักษณะดังกล่าวเช่นกันก่อนหน้านั้น 1 วัน

ประเทศอื่นๆ เช่น อาร์เจนตินา ชิลี กัวเตมาลา ตูนิเซียและซูดาน ก็ปิดชายแดนทางบกทั้งหมดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ควบคู่กันนั้น ก็มีอีกหลายประเทศที่ประกาศปิดชายแดนบางส่วนประกาศคำสั่งห้ามเข้าเมืองหรือปิดชายแดนทั้งหมดหลังจากที่องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้โรคโควิด -19 เป็นโรคระบาดร้ายแรงทั่วโลกเมื่อวันที่ 13 มีนาคม

ระงับเที่ยวบิน เพิ่มเงื่อนไขการเข้าเมืองและลดการส่งออกอุปกรณ์การแพทย์

หนึ่งในคำสั่งห้ามบินที่สร้างความถกเถียงมากที่สุดในการรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 คือคำสั่งห้ามบินจากยุโรปไปสหรัฐของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเมื่อวันที่ 11 มีนาคม นาย โดนัลด์ ทรัมป์ได้ประกาศระงับเที่ยวบินทุกเที่ยวจากยุโรปไปสหรัฐเป็นเวลา 30 วันเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ซึ่งคำสั่งนี้ได้ถูกตำหนิอย่างหนักจากบรรดาประเทศยุโรปที่เป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนสำคัญของสหรัฐ

นอกจากนี้ สหรัฐยังประกาศคำสั่งระงับเที่ยวบินจากดินแดนหรือประเทศที่มีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของโรคโควิด – 19 เช่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีนและเมืองแทกูของสาธารณรัฐเกาหลี

ควบคู่กันนั้น หลายประเทศก็ปฏิบัติมาตรการที่มีความเข้มงวดน้อยกว่าแต่ก็เป็นการปรับปรุงที่น่าสนใจในนโยบายการต่างประเทศชั่วคราวคือ เพิ่มเงื่อนไขต่างๆสำหรับการเข้าเมือง ในขณะเดียวกัน การเพิ่มเงื่อนไขเข้าเมืองต่อพลเมืองสาธารณรัฐเกาหลีของญี่ปุ่นได้รับความสนใจจากประชามติเป็นอย่างมาก เพราะส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศตึงเครียดมากขึ้น ตามข้อมูลสถิติที่ยังไม่สมบูรณ์ จำนวนประเทศที่ต้องปรับปรุงเงื่อนไขการเข้าเมืองได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยกว่าประเทศ ซึ่งสะท้อนความสนใจของโลกต่อการร่วมป้องกันและควบคุมโรคระบาดครั้งใหญ่ของมนุษยชาติ

ควบคู่กันนั้น หลายประเทศได้เลือกมาตรการลดการส่งออกอุปกรณ์การแพทย์เพื่อเป็นการสำรองให้แก่การรับมือการแพร่ระบาดภายในประเทศ โดยยอมสละผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจหรือแม้กระทั่งอาจกระทบกระเทือนถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

นักวิเคราะห์แสดงความคิดเห็นว่า แม้การปรับปรุงนโยบายการต่างประเทศของหลายประเทศเพื่อรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 คือสิ่งที่จำเป็นแต่ก็ได้สร้างข้อจำกัดต่างๆต่อความร่วมมือในทั่วโลกซึ่งถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในกระบวนการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด