(Photo: Vietnamplus)

ปี 2018 ได้ผ้านพ้นไป ในการหวนมอง 3 ปีของการปฏิบัติมติของที่ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่ 12 ประเทศได้บรรลุผลสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม การสร้างสรรค์และปรับปรุงพรรค การค้ำประกันงานด้านกลาโหม ความมั่นคง การรักษาสันติภาพและเสถียรภาพของประเทศ ขยายความสัมพันธ์ด้านการต่างประเทศและผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างเข้มแข็ง

ประเทศเจริญก้าวหน้า โอกาสกำลังมา

เลขาธิการใหญ่พรรค ประธานประเทศ เหงียนฟู้จ่อง ได้กล่าวถึงผลสำเร็จที่โดดเด่นในการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมปี 2018 โดยในส่วนต้นของบทความได้กล่าวถึงอัตราการขยายตัวจีดีพีที่น่าประทับใจ ซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 1 ทศวรรษที่ผ่านมา ขอบเขตของเศรษฐกิจในปี 2018 บรรลุกว่า 2 แสน 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่า 1.3 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2015 เวียดนาม “กลายเป็นจุดหมายปลายทางการลงทุนที่น่าสนใจในเอเชีย” “อยู่อันดับหนึ่งในจำนวนจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุดในภูมิภาคเอเปก” ในปี 2018 กระบวนการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกของเวียดนามมีนิมิตหมายในหลายด้าน มีส่วนร่วมต่อการเสริมสร้างสถานะและบทบาทของประเทศบนเวทีโลก

ในการจัดทำและปรับปรุงกลไกและนโยบายให้มีความสมบูรณ์ พรรค สภาแห่งชาติและรัฐบาลได้ประกาศใช้แนวทาง กลไกและนโยบายใหม่ๆ ซึ่งสร้างพื้นฐานและพลังขับเคลื่อนที่เข้มแข็งเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจสังคมอย่างยั่งยืน

มติฉบับต่างๆของส่วนกลางเกี่ยวกับการขจัดความเสื่อมถอยด้านแนวคิดทางการเมือง คุณธรรม วิถีชีวิตและการเน้นการสร้างสรรค์แถวขบวนเจ้าหน้าที่ทุกระดับได้สร้างพลังที่เข้มแข็งใหม่ในการชี้นำการปฏิบัติหน้าที่ทางการเมืองเชิงยุทธศาสตร์แบบบูรณาการ โดยเฉพาะการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นได้รับการผลักดันอย่างเข้มแข็ง มีส่วนร่วมสำคัญต่อการเสริมสร้างความไว้วางใจของประชาชนต่อการนำของพรรค

บทความได้ระบุลักษณะโดยรวม ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า สถานะและพลังที่เข้มแข็งของประเทศได้รับการผลักดัน ประเทศกำลังก้าวรุดหน้าไป

ซึ่งตามความเห็นของเลขาธิการใหญ่พรรค ประธานประเทศ เหงียนฟู้จ่อง ผลสำเร็จดังกล่าวมาจากเวียดนามได้รับการสานต่อผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ สำคัญและมีความหมายทางประวัติศาสตร์ภายหลังกว่า 30 ปีแห่งการเปลี่ยแปลงใหม่ มีความสามัคคี ความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ ความพยายามร่วมแรงร่วมใจของพรรค ประชาชนและกองทัพ ซึ่งสร้างพลังที่เข้มแข็งและความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ของทั้งระบบการเมืองและสังคม

บทความได้ยืนยันถึงสถานการณ์ที่เป็นจริงที่หลากหลายของการปฏิวัติเวียดนามในตลอด 89 ปีนับตั้งแต่วันก่อตั้งพรรคจนถึงปัจจุบัน ซึ่งได้พิสูจน์ให้เห็นว่า การนำที่ถูกต้องของพรรคคือปัจจัยชี้ขาดต่อทุกชัยชนะของการปฏิวัติเวียดนาม สร้างผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของประเทศ และพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้ถอดบทเรียนที่ล้ำค่าและสร้างเกียรติประวัติที่รุ่งโรจน์ ซึ่งปัจจุบันต้องมีความรับผิดชอบรักษาและส่งเสริม นั่นคือเกียรติประวัติแห่งการจงรักภักดีต่อผลประโยชน์ของประชาชาติและประชาชนทุกชั้นชน ยืนหยัดเป้าหมาย อุดมการณ์แห่งเอกราชและประชาชาติที่มีความผูกพันกับลัทธิสังคมนิยมบนพื้นฐานลัทธิมาร์กเลนินและอุดมการณ์โฮจิมินห์ นั่นคือเกียรติประวัติที่มีความผูกพันที่ใกล้ชิดระหว่างพรรคและประชาชน เกียรติประวัติแห่งความสามัคคีระหว่างประเทศที่ซื่อสัตย์สุจริต

นำประเทศก้าวรุดหน้าต่อไป

ปัจจุบัน เวียดนามกำลังผลักดันภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ในทุกด้านและพร้อมเพรียง การพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัย การพัฒนาเศรษฐกิจเชิงตลาดตามแนวทางสังคมนิยม เปิดประเทศและผสมผสานเข้ากับกระแสโลก นี่คือภารกิจการปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็เต็มไปด้วยอุปสรรค

บทความยืนยันว่า เพื่อบริหารพัฒนาประเทศ สร้างความไว้วางใจในหมู่ประชาชน นำภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ก้าวรุดหน้าไป พรรคต้องผลักดันการสร้างสรรค์ ปรับปรุงองค์กรพรรค สร้างสรรค์พรรคที่บริสุทธิ์และเข้มแข็งทั้งด้านการเมือง อุดมการณ์ องค์กร คุณธรรม เปลี่ยนแปลงใหม่วิธีการช้ำนำและผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างพรรคกับประชาชน

ปี 2019 นอกจากการชี้นำเพื่อเสร็จสิ้นเป้าหมายพัฒนาเศรษฐกิจสังคมในระดับสูงสุด รักษาเอกราช อธิปไตย บรรยากาศสันติภาพและเสถียรภาพเพื่อพัฒนาประเทศ ผลักดันความสัมพันธ์ด้านการต่างประเทศ พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้ปฏิบัติมติของคณะกรรมการกลางพรรคครั้งที่ 4 สมัยที่ 12 เกี่ยวกับการสร้างสรรรค์พรรค มติ 05 ของกรมการเมืองเกี่ยวกับการผลักดันการศึกษาและปฏิบัติตามแนวคิด คุณธรรมและการดำเนินชีวิตของประธานโฮจิมินห์ สร้างการเปลี่ยนแปลงที่เข้มแข็งมากขึ้นในการสร้างสรรค์และปรับปรุงองค์กรพรรค

เลขาธิการใหญ่พรรค ประธานประเทศ เหงียนฟู้จ่อง เชื่อมั่นว่า พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามจะทำหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปด้วยดี พรรค ประชาชนและกองทัพร่วมแรงรวมใจสร้างสรรค์ประเทศเวียดนามที่สันติภาพ เอกราช เอกภาพ มีประชาธิปไตย เจริญเข้มแข็งและก้าวไปสู่สังคมนิยมอย่างมั่นคง.