(VOVworld)-การเยือนเวียดนามของนายประนาบ มุกเคอร์จี ประธานาธิบดีอินเดีย ที่มีขึ้นในระหว่างวันที่14-17กันยายนตามคำเชิญของประธานประเทศเวียดนามเจืองเตินซางถือเป็นเหตุการณ์สำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนาม-อินเดียซึ่งจะมีส่วนร่วมผลักดันความสัมพันธ์มิตรภาพที่มีมาช้านานและหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่มีอยู่ระหว่างสองประเทศ

ความร่วมมือลงทุนจะมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในเวลาข้างหน้าหลังจากที่กลุ่มบริษัทตาตาของอินเดียได้ดำเนินโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังความร้อนลองฟู๊2มูลค่า1.8พันล้านเหรียญสหรัฐที่จังหวัดซอกจัง

มิตรภาพความสัมพันธ์ที่มีมาช้านานระหว่างเวียดนาม-อินเดียได้ริเริ่มตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่20โดยประธานโฮจิมินห์และเยาว์หราลเนห์รูนายกรัฐมนตรีคนแรกของอินเดียเป็นผู้วางพื้นฐานและประชาชนทั้งสองประเทศก็ได้มีส่วนร่วมเสริมสร้างพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อินเดียให้การสนับสนุนเวียดนามอย่างเข้มแข็งในกระบวนการต่อสู้เพื่อช่วงชิงเอกราชและรวมประเทศเป็นหนึ่งเดียวตลอดจนในภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่และพัฒนาประเทศปัจจุบัน ปี1954อินเดียได้เปิดสถานกงสุลใหญ่ประจำกรุงฮานอย ส่วนเวียดนามได้เปิดสถานกงสุลใหญ่ประจำอินเดียเมื่อปี1956และถึงวันที่7มกราคมปี1972 สองประเทศได้ยกระดับตัวแทนทางการทูตเป็นเอกอัครราชทูต

ประสิทธิภาพจากความสัมพันธ์มิตรภาพที่มีมาช้านาน

ปัจจุบัน ความสัมพันธ์มิตรภาพและหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เวียดนาม-อินเดียกำลังพัฒนาอย่างดีงามโดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนคณะผู้แทนระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในการเยือนอินเดียเมื่อเดือนกรกฎาคมปี2007 ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามแถลงการณ์ร่วมสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์  ปี2011ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์นั้นได้รับการแปรให้เป็นรูปธรรมจากการลงนามข้อตกลงร่วมมือทวิภาคี7ฉบับในโอกาสท่านเจืองเตินซางประธานประเทศเวียดนามเยือนอินเดีย ต่อจากนั้นในการเยือนอินเดียของรองนายกฯเหงวียนเถียนเญินเมื่อปี2012 ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามเอกสารความร่วมมือ9ฉบับด้านการวิจัยและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนาโน เทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีสารสนเทศ สมุทรวิทยา การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ อินเดียศึกษา เวียดนามศึกษาและการแลกเปลี่ยนครูอาจารย์นักศึกษา  ส่วนในการเยือนอินเดียของท่านเหงวียนฟู๊จ๋องเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี2013 ทั้งสองฝ่ายได้ออกแถลงการณ์ร่วมและลงนามข้อตกลงร่วมมือในหลายด้านรวม8ฉบับ

ควบคู่กับการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนระดับสูง ความร่วมมือระหว่างสองประเทศก็ได้รับการส่งเสริมอย่างเข้มแข็งผ่านกลไกต่างๆ เช่น คณะกรรมการร่วมรัฐบาลเวียดนาม-อินเดียด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วัฒนธรรมและการศึกษา การทาบทามทางการเมืองและการสนทนายุทธศาสตร์ระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ เป็นต้น

ความสัมพันธ์ร่วมมือในทุกด้านกำลังได้รับการผลักดัน

เวียดนาม-อินเดียเป็นหุ้นส่วนการค้าที่สำคัญของกันโดยเฉพาะในปี2013มูลค่าการค้าทวิภาคีได้บรรลุ5.23พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ32เมื่อเทียบกับปี2012และมีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุ7พันล้านเหรียญในปี2015 และมุ่งสู่เป้าหมายคือ1หมื่น5พันล้านเหรียญสหรัฐในปี2020 สินค้าที่เวียดนามส่งออกไปยังอินเดียส่วนใหญ่คือโทรศัพท์และชิ้นส่วนและเครื่องจักรอุปกรณ์ ในขณะเดียวกันได้นำเข้าจากอินเดียข้าวโพต อาหารสัตว์และวัตถุดิบ รวมทั้งเภสัชภัณฑ์  ด้านความร่วมมือลงทุน คาดว่าจะมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในเวลาข้างหน้าหลังจากที่กลุ่มบริษัททาทาของอินเดียได้ดำเนินโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังความร้อนลองฟู๊2มูลค่า1.8พันล้านเหรียญสหรัฐที่จังหวัดซอกจัง  จนถึงปัจจุบันอินเดียมีโครงการลงทุน73โครงการในเวียดนามรวมเงินทุนจดทะเบียน273ล้านเหรียญสหรัฐและใน3ปีที่ผ่านมาอินเดียได้สงวนสินเชื่อพิเศษเพื่อการพัฒนามูลค่า19.5ล้านเหรียญสหรัฐและขณะนี้ทั้งสองฝ่ายกำลังหารือเงื่อนไขของสินเชื่อมูลค่าอีก100ล้านเหรียญสหรัฐที่อินเดียจะสงวนให้แก่เวียดนาม

ด้านความสัมพันธ์ร่วมมือในการขุดเจาะปิโตรเลี่ยมระหว่างเวียดนาม-อินเดียนับตั้งแต่ปี1988มาจนถึงปัจจุบันก็ได้เกิดประสิทธิภาพสูงอย่างต่อเนื่อง โดยในการเยือนอินเดียเมื่อปี2011ของประธานประเทศเวียดนาม ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องในการผลักดันความร่วมมือด้านการสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลี่ยมซึ่งอินเดียได้ธำรงโครงการสำรวจและขุดเจาะน้ำมันตามบ่อต่างๆที่มีศักยภาพของเวียดนาม นอกจากนี้ทั้งสองประเทศยังได้ลงนามข้อตกลงร่วมมือและบันทึกช่วยจำในหลายด้านไม่ว่าจะเป็นการวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร สัตว์น้ำ และการเดินทางไปมาหาสู่กันระหว่างพลเมืองสองประเทศ เป็นต้น

ในหลายปีมานี้ อินเดียได้ให้ความช่วยเหลือเวียดนามทำการฝึกอบรมแหล่งบุคลากรที่มีคุณภาพในด้านต่างๆเช่นเทคโนโลยีสารสนเทศ เศรษฐกิจ กฎหมายและภาษาอังกฤษ ผ่านการมอบทุนการศึกษา150ทุน นอกจากนี้อินเดียได้เปิดศูนย์สอนภาษาอังกฤษที่นครดานัง ที่สถาบันการทหารและกำลังผลักดันกระบวนการเปิดศูนย์วัฒนธรรมอินเดียในกรุงฮานอย ทั้งสองประเทศยังขยายระยะเวลาปฏิบัติโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การจัดกิจกรรมด้านศิลปะในกรอบปีมิตรภาพเวียดนาม-อินเดีย 2012และการจัดเอฟทีเวิลอินเดียในเวียดนามเมื่อปี2013ที่แนะนำให้ชาวเวียดนามได้รู้จักเอกลักษณ์วัฒนธรรมต่างๆของอินเดียทั้งอาหารการกิน ศาสนา และศิลปะ เป็นต้น

ในการเยือนเวียดนามครั้งนี้ของนายประนาบ มุกเคอร์จี ประธานาธิบดีอินเดีย ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันประเมินผลงานต่างๆตามข้อตกลงร่วมมือที่ผู้นำทั้งสองประเทศได้บรรลุ โดยเฉพาะโครงการที่ได้ลงนามในกรอบการเยือนอินเดียของประธานประเทศเวียดนามและเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเมื่อปี2011และ2013 ตามกำหนดการในครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายจะร่วมลงนามในเอกสารความร่วมมือหลายฉบับอันเป็นการยกระดับความสัมพันธ์มิตรภาพที่มีมาช้านานและความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศให้ขึ้นสู่ระดับใหม่ที่มีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม./.