วันที่๒กันยายนปี๑๙๔๕ วันชาติของประเทศเวียดนามที่เอกราช นิมิตหมายแห่งประวัติศาสตร์และอนาคต
Hong Van/VOV5 -  
(VOVworld)-วันที่๒กันยายนก่อนหน้านี้๖๙ปี ประธานโฮจิมินห์ได้อ่านปฏิญญาเอกราชต่อหน้าประชาชนหลายหมื่นคนซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนกว่า20ล้านคนทั่วประเทศที่มาชุมนุมกัน ณ จัตุรัสบาดิ่ง กรุงฮานอย เพื่อสถาปนาสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามหรือสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามในปัจจุบัน เปิดศักราชใหม่ในประวัติศาสตร์แห่งเอกราช เสรีภาพให้แก่ประชาชาติเวียดนาม
(VOVworld)-วันที่๒กันยายนก่อนหน้านี้๖๙ปี ประธานโฮจิมินห์ได้อ่านปฏิญญาเอกราชต่อหน้าประชาชนหลายหมื่นคนซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนกว่า20ล้านคนทั่วประเทศที่มาชุมนุมกัน ณ จัตุรัสบาดิ่ง กรุงฮานอย เพื่อสถาปนาสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามหรือสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามในปัจจุบัน เปิดศักราชใหม่ในประวัติศาสตร์แห่งเอกราช เสรีภาพให้แก่ประชาชาติเวียดนาม นับตั้งแต่วันนั้นประเทศเวียดนามได้พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งพร้อมทั้งสามารถยืนยันสถานะที่เข้มแข็งของประเทศที่มีเอกราชและเป็นตัวของตัวเองบนเวทีโลก
วันที่๒กันยายนปี๑๙๔๕ ประธานโฮจิมินห์ได้อ่านปฏิญญาเอกราช
|
วันที่๒กันยายนปี๑๙๔๕ ประธานโฮจิมินห์ได้อ่านปฏิญญาเอกราชความว่า “รัฐบาลเฉพาะกาลของประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามขอประกาศยืนยันต่อชาวโลกว่า ประเทศเวียดนามมีสิทธิ์ได้รับเสรีภาพและเอกราช ซึ่งในที่สุดก็ได้กลายเป็นประเทศที่มีเอกราชและเสรีภาพอย่างแท้จริง ประชาชาติเวียดนามจะพยายามอย่างสุดความสามารถ ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ แม้กระทั่งทรัพย์สินเงินทองหรือชีวิตเพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพและเอกราชแห่งชาติ”
หน้าประวัติศาสตร์ทองของประชาชาติ นิมิตหมายแห่งประวัติศาสตร์โลก
วันที่๒กันยายนปี๑๙๔๕ได้สร้างเป็นนิมิตหมายที่รุ่งโรจน์และแจ่งจรสที่สุดบนเส้นทางแห่งการสร้างชาติและรักษาชาติหลายพันปีของเวียดนาม โดยปฏิญญาเอกราชถือเป็นเอกสารทางนิตินัยที่สำคัญฉบับแรกที่ยืนยันการให้กำเนิดประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามหรือสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามในปัจจุบัน ยืนยันสิทธิแห่งเอกราชและเสรีภาพของประชาชาติเวียดนามต่อชาวโลก และยังได้วางพื้นฐานให้แก่การจัดตั้งรัฐเวียดนามที่บริหารด้วยอำนาจกฎหมายด้วยเป้าหมาย “เอกราช-เสรีภาพ-ความผาสุก” เป็นการสร้างขวัญกำลังใจและเป็นประทีบส่องทางให้แก่กระบวนการปฏิวัติเวียดนามเพื่อนำไปสู่การพัฒนาสร้างสรรค์ประเทศในระดับที่สูงกว่าคือ รัฐของประชาชนโดยประชาชนและเพื่อประชาชน
การประกาศปฏิญญาเอกราชก็่ถือเป็นจุดหมายแห่งชัยชนะของกระบวนการต่อสู้กับจักรวรรดินิยมและนักล่าเมืองขึ้นในเกือบ1ศตวรรษของประชาชาติเวียดนาม นับตั้งแต่วันนั้น ในฐานะเป็นเจ้าของประเทศและภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ประชาชาติเวียดนามได้ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติหน้าที่แห่งประวัติศาสตร์ที่รุ่งโรจน์นั่นคือการปลดปล่อยภาคใต้ รวมประเทศเป็นหนึ่งเดียวเมื่อปี๑๙๗๕ นักประวัติศาสตร์เยืองจูงก๊วกได้ให้ข้อสังเกตว่า“วันที่๒กันยายนปี๑๙๔๕ ประธานโฮจิมินห์ได้อ่านปฏิญญาเอกราชไม่เพียงแต่เป็นการยุติระบอบการปกครองของพวกฟัสซิสและนักล่าเมืองขึ้นฝรั่งเศสเท่านั้นหากยังเป็นการยุติระบอบศักดินา นำประเทศเวียดนามก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่มีพื้นฐานคือระบอบสาธารณรัฐประชาธิปไตยและได้สานต่อพลังที่เข้มแข็งของชาติที่มีเอกราชเพื่อภารกิจการต่อสู้กู้ชาติในระยะต่อไป”
ปฏิญญาเอกราชวันที่๒กันยายนปี๑๙๔๕ ไม่เพียงแต่ได้ให้กำเนิดประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม ซึ่งเป็นรัฐที่มีเอกราชรัฐแรกในระบบประเทศเมืองขึ้นทั่วโลกเท่านั้นหากยังเป็นสัญญาณของการจัดตั้งระบอบใหม่ จัดตั้งทางการปกครองของชนชั้นกรรมกรชาวนาชุดแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดศักราชใหม่แห่งเอกราชและเสรีภาพให้แก่ประชาชนประเทศเมืองขึ้นที่ถูกกดขี่ขุดรีด มีส่วนร่วมสำคัญให้แก่ภารกิจการปลดปล่อยมวลมนุษย์ ศ.ชาวอเมริกัน จอร์จ มิชเซล ได้แสดงความเห็นว่า “ในระดับสากล การที่เวียดนามสามารถช่วงชิงเอกราชมาได้เมื่อปี๑๙๔๕นั้นถือเป็นเหตุการณ์ที่มีความหมายยิ่งใหญ่ เป็นแบบอย่างให้แก่ประเทศที่เป็นเมืองขึ้นอื่นๆ ผมเห็นว่าการที่เวียดนามสามารถยึดคืนเอกราชมาได้เมื่อปี๑๙๔๕ได้ช่วยสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ประเทศอื่นๆที่เป็นเมืองขึ้น ซึ่งนับเป็นความภาคภูมิใจของชาวเวียดนามเพราะเป็นชาติแรกในภูมิภาคที่สามารถช่วงชิงเอกราชมาได้หลังสงครามโลกครั้งที่๒”
เติมพลังให้แก่อนาคต
๖๙ปีนับตั้งแต่การสถาปนาประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามหรือสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามในปัจจุบัน ประเทศและประชาชนเวียดนามได้พยายามอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อก้าวไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็งมั่นคง โดยภายหลังปฏิบัติภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศมา๒๕ปีเวียดนามก็สามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ยิ่งใหญ่ซึ่งช่วยให้พลังของชาติมีความเข้มแข็งยิ่งขึ้นจนได้รับการยกย่องจากมิตรประเทศและถือเป็นสัญลักษณ์แห่งสังคมที่มีเสถียรภาพ จิตใจมุ่งมั่นเพื่อเอาชนะความยากจนและการเชิดชูความเมตตาอารีและเที่ยงธรรม ซึ่งผลสำเร็จที่เวียดนามได้บรรลุนั้นได้เป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงการพัฒนาเติบโตในทุกด้านของพรรค รัฐและประชาชาติเวียดนาม
บนเส้นทางแห่งการพัฒนานั้น เวียดนามได้ตั้งเป้าไว้ว่าถึงปี๒๐๒๐จะกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัยโดยพื้นฐาน การเมืองและสังคมมีเสถียรภาพ มีประชาธิปไตยและมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ชีวิตทางวัตถุและจิตใจของประชาชนได้รับการปรับปรุงยกระดับให้ดีขึ้น เอกราช เอกภาพ อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนได้รับการรักษาอย่างมั่นคง สถานะของเวียดนามนับวันยิ่งสูงเด่นเป็นที่ยอมรับบนเวทีโลก อันเป็นการสร้างพื้นฐานที่มั่นคงเพื่อให้เวียดนามพัฒนาอย่างรวดเร็วและยั่งยืนยิ่งขึ้นในระยะต่อไป เพื่อสานต่อจิตใจแห่งการปฏิวัติเดือนสิงหาคมและวันชาติที่๒กันยายน ในระยะปัจจุบันเวียดนามต้องพยายามปฏิบัติทุกเป้าหมายให้สำเร็จ ท่านเจืองเตินซางประธานประเทศเคยยืนยันว่า“ประเทศเวียดนามได้ฝ่าฟันอุปสรรคความท้าทายนานัปการ ทั้งพรรค มวลชนและกองทัพได้มีความพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อบรรลุผลงานที่สำคัญและสั่งสมประสบการณ์ที่มีคุณค่ามากมาย ภารกิจการสร้างสรรค์และพัฒนาประเทศกำลังเรียกร้องให้ทั้งประชาชาติต้องมีความตั้งใจอย่างสูงและมีความเป็นเอกฉันท์ มีจิตใจเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างเข้มแข็ง พวกเราต้องยึดมั่นปฏิบัติและอุทิศตนอย่างเต็มที่ให้สมกับความเสียสละของบรรพบุรุษและเกียรติประวัติอันรุ่งโรจน์ของชาติเพื่ออนาคตของชนรุ่นหลัง”
๖๙ปีได้ผ่านพ้นไป คุณค่าแห่งประชาธิปไตยและความยุติธรรมของปฏิญญาเอกราชวันที่๒กันยายนปี๑๙๔๕คือพลังที่ช่วยให้ประชาชาติเวียดนามก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงเพื่อร่วมกันสร้างสรรค์และพัฒนาประเทศและสร้างนิมิตหมายใหม่ในประวัติศาสตร์ที่รุ่งโรจน์ของเวียดนามในยุคใหม่./.
Hong Van/VOV5