สหรัฐและจีนในสงครามการค้า

(VOVWORLD) -ในช่วง3วันที่ผ่านมา ความตึงเครียดของความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนได้กลายเป็นประเด็นข่าวร้อนที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากประชาคมโลกเพราะทั้งสองฝ่ายต่างมีปฏิบัติการตอบโต้กันในปัญหานโยบายด้านภาษี แน่นอนว่า ท่าทีดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อมูลค่าการค้าต่างตอบแทนระหว่างสองประเทศ รวมถึงเศรษฐกิจโลกแต่ทั้ง2เศรษฐกิจรายใหญ่ของโลกนี้ก็อาจจะไม่อยากทำให้เรื่องนี้บานปลายเกินไป

สหรัฐและจีนในสงครามการค้า - ảnh 1

ก่อนเวลากำหนดเส้นตายคือในวันที่6เมษายนที่สำนักงานตัวแทนการค้าสหรัฐต้องประกาศรายชื่อสินค้านำเข้าของจีนรวมมูลค่า6หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐที่ถูกเก็บภาษีเพิ่มเติม ตามการตัดสินใจของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์  จีนได้ประกาศปรับขึ้นภาษีร้อยละ15-25 คิดเป็นมูลค่า3พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อสินค้าของสหรัฐ130รายการ หลักจากนั้น เมื่อวันที่4เมษายน จีนก็เพิ่มรายชื่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐที่ถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น มูลค่าประมาณ5หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมถึงถั่วเหลือง รถยนต์ บุหรี่ ผลิตภัณฑ์จากข้าวโพดและเส้นฝ้าย

ในขณะเดียวกัน เมื่อวันที่3เมษายน สำนักงานตัวแทนการค้าสหรัฐก็ได้ประกาศรายชื่อสินค้าของจีนประมาณ1300รายการที่ถูกเก็บภาษีเพิ่มเติม

เรื่องดังกล่าวมาจากการที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ทรัมป์ประกาศปรับขึ้นภาษีต่อเหล็กและอลูมิเนียมที่นำเข้าจากจีนบนพื้นฐานของอัตราเสียเปรียบดุลการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนในปี2017ที่เกือบ4แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากนั้น ทำเนียบขาวได้อนุมัติให้เก็บภาษีเพิ่มต่อสินค้าที่นำเข้าจากจีน มูลค่า6หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐและเรียกร้องให้จีนลดการขาดดุลการค้ากับสหรัฐ1แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปฏิบัติการตอบโต้ของจีน

ซึ่งปฏิบัติการของจีนในหลายวันที่ผ่านมาถือเป็นการตอบโต้ที่เกิดขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ประกาศใช้นโยบายด้านภาษีต่อหลายประเทศเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยต่อจากการตัดสินใจเก็บภาษีเพิ่มต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐ มูลค่า3พันล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งคิดเป็นร้อยละ2ของมูลค่าการส่งออกของสหรัฐไปยังจีนเมื่อวันที่2เมษายน  การที่ทางการจีนตัดสินใจปรับเพิ่มภาษีต่อสินค้าสหรัฐ มูลค่า5หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐหรือคิดเป็นกว่าร้อยละ33ของมูลค่าการส่งออกสินค้าจากสหรัฐไปยังประเทศจีนได้ถือเป็นการตอบโต้ที่เข้มแข็งเพื่อให้ทัดเทียมกับการเก็บเพิ่มภาษีของสหรัฐต่อสินค้าจีนที่มีมูลค่า6หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากนี้ ยังสามารถมองเห็นชัดว่า   ในจำนวนสินค้าสหรัฐที่ถูกจีนเพิ่มภาษี มีสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชนจีน1.5พันล้านคน เช่น รถยนต์และถั่วเหลือง  โดยเฉพาะถั่วเหลืองเป็นสินค้าส่งออกหลักของสหรัฐไปยังตลาดจีนที่มูลค่าการส่งออกถั่วเหลือในปี2017 อยู่ที่1หมื่น4พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การเพิ่มภาษีต่อสินค้าดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรสหรัฐ ซึ่งเป็นกลุ่มฐานเสียงไม่น้อยที่ลงคะแนนสนับสนุนประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้งเมื่อปี2016

ซึ่งขั้นตอนที่จีนกำลังปฏิบัติได้เป็นไปตามคำประกาศของเจ้าหน้าที่จีนที่เคยกล่าวไว้คือ “จีนจะยืนหยัดการตอบโต้ในขอบเขต จำนวนเงินและระดับที่เหมาะสม”

อนาคตคือการสนทนาแทนการตอบโต้

  นับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีสหรัฐเริ่มสร้างความตึงเครียดทางการค้ากับจีน หลายคนได้พยากรณ์ว่า จะเกิดสงครามการค้าด้วยการที่ต่างฝ่ายต่างเก็บภาษีเพิ่มเพื่อตอบโต้กัน

แต่อย่างไรก็ดี จะไม่มีฝ่ายใดที่ได้รับชัยชนะในสงครามการค้านี้เพราะการที่สหรัฐเก็บภาษีเพื่อคว่ำบาตรนโยบายเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ทางปัญญาของจีนจะทำให้ชาวอเมริกันต้องได้รับผลกระทบเป็นอันดับแรก ซึ่งสินค้าครึ่งหนึ่งที่สหรัฐนำเข้าจากจีนเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคและการเก็บเพิ่มภาษีกลุ่มนี้จะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของชาวอเมริกันนับหมื่นล้านคน การเพิ่มภาษีต่อสินค้าหลักที่นำเข้าจากจีน เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อุตสาหกรรมจะทำให้บริษัทต่างๆของสหรัฐประสบอุปสรรคเพราะต้นทุนสูงขึ้นและขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกลดลง ซึ่งผู้ใช้แรงงานอเมริกันนับพันคนอาจตกงาน

ส่วนทางฝ่ายจีนนั้น แม้ปักกิ่งพร้อมที่จะมีมาตรการตอบโต้ที่มุ่งเป้าไปยังด้านเทคโนโลยี ซึ่งเป็นด้านหลักของสหรัฐแต่นี่เป็นสิ่งที่ไม่ง่ายเพราะผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีของสหรัฐส่วนใหญ่ผลิตในจีน  ดังนั้น การปรับเพิ่มภาษีในระดับสูงต่อผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อแรงงานชาวจีนเช่นกัน

นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงการที่เศรษฐกิจต่างๆในโลกจะได้รับผลกระทบตามด้วยจากการที่สหรัฐและจีนตอบโต้กัน จนเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ

จากการที่ทุกฝ่ายต่างได้รับความเสียหายจากสงครามการค้า จีนได้เรียกร้องให้สหรัฐแสวงหามาตรการในเชิงสร้างสรรค์เพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจให้กลับสู่ภาวะมีเสถียรภาพเพราะความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐยังอยู่ในภาวะควบคุมได้  ปัจจุบัน ทั้งสองฝ่ายยังมีเวลาเพื่อผลักดันการสนทนาเนื่องจากรายชื่อสินค้าจีนที่สหรัฐจะปรับเพิ่มภาษีจะต้องรวบรวมความคิดเห็นของสถานประกอบการสหรัฐ.      

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด