องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนบิดเบือนสถานการณ์เสรีภาพสื่อมวลชนของเวียดนาม

(VOVWorld) – เมื่อเร็วๆนี้ สมาคมผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน(Reporter without Borders for press freedom RSF)ได้มอบรางวัลพลเมืองเน็ตปี๒๐๑๓ให้แก่บล๊อคเกอร์Huỳnh Ngọc Chênhพร้อมรายงานในโอกาสวันต้านเซ็นเซอร์อินเตอร์เน็ตโลก๑๒มีนาคมปี๒๐๑๓โดย องค์กรนี้เรียกเวียดนามว่า“ศัตรูของอินเตอร์เน็ต”อย่างขาดภาวะวิสัย
(VOVWorld) – เมื่อเร็วๆนี้ สมาคมผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน(Reporter without Borders for press freedom RSF)ได้มอบรางวัลพลเมืองเน็ตปี๒๐๑๓ให้แก่บล๊อคเกอร์Huỳnh Ngọc Chênhพร้อมรายงานในโอกาสวันต้านเซ็นเซอร์อินเตอร์เน็ตโลก๑๒มีนาคมปี๒๐๑๓โดยองค์กรนี้เรียกเวียดนามว่า“ศัตรูของอินเตอร์เน็ต”อย่างขาดภาวะวิสัย
องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนบิดเบือนสถานการณ์เสรีภาพสื่อมวลชนของเวียดนาม - ảnh 1
ในเวียดนามมีผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตมากถึง๒๗ล้านคน (Photo:Internet)
สมาคมผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนกล่าวว่า การมอบรางวัลให้แก่บล๊อคเกอร์ Huỳnh Ngọc Chênh เป็นการรับทราบส่วนร่วมของบรรดานักข่าวอิสระในเวียดนามที่ได้ส่งเสริมให้แก่สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น สิทธิเสรีภาพในการนำเสนอข่าวและสิทธิเสรีภาพทางอินเตอร์เน็ตซึ่งจะไม่มีอะไรที่น่ากล่าวถึง ถ้าหากเป็นกิจการภายในขององค์กรนี้เพราะการมอบรางวัลให้แก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง แม้จะสมหรือไม่สมก็เป็นสิทธิขององค์กรเหล่านี้แต่สิ่งที่น่ากล่าวถึงคือ องค์กรนี้ได้บิดเบือนสถานการณ์เสรีภาพสื่อมวลชนของเวียดนามอย่างอุกอาจเมื่อเรียกเวียดนามว่า“ศัตรูของอินเตอร์เน็ต”และจัดเวียดนามอยู่อันดับ๑๗๒จากทั้งหมด๑๗๙ประเทศทั่วโลกในรายงานดัชนีเสรีภาพสื่อมวลชนโลกขององค์กรนี้ นอกจากนี้องค์กรนี้ ยังกล่าวว่า บรรดาผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตในเวียดนามได้ช่วยเหลือรัฐบาลเซ็นเซ่อร์อินเตอร์เน็ต     เมื่อเสนอหลักข้อมูลนี้ องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนได้จงใจลืมสถานการณ์ที่เป็นจริงคือ นับตั้งแต่เวียดนามเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยนี้เมื่อปี๑๙๙๗มาจนถึงปัจจุบัน การพัฒนาอย่างข้ามขั้นของอินเตอร์เน็ตไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นจากอัตราการขยายตัว รูปแบบการบริการ จำนวนผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตเท่านั้นหากยังแสดงให้เห็นจากการที่ประชาชนอาจจะใช้อินเตอร์เน็ตทุกเวลาและทุกสถานที่ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความดูแลเอาใจใส่และระเบียบการเปิดของพรรคและรัฐเวียดนามเพื่ออำนวยความสะดวกให้อินเตอร์เน็ตพัฒนา  สถานีวิทยุเวียดนามเคยคัดเสนอคำพูดของนายPhạm Quốc Nhật ผู้อำนวยการบริษัทซอฟแวร์Nhật Cườngที่ว่า“นับตั้งแต่เวียดนามเชื่อมโยงเครือข่ายอินเตอร์เน็ตโลกมาจนถึงปัจจุบัน ประชาชนชาวเวียดนามไม่ประสบอุปสรรคใดๆในการคลิดเข้าอินเตอร์เน็ตและย้ำว่า  เวียดนามเป็นประเทศที่มีอัตราการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างรวดเร็ว รวมทั้งอินเตอร์เน็ตที่ได้พัฒนาถึงหมู่บ้านตำบลซึ่งได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ พวกเราอาจจะค้นหาทุกข้อมูลข่าวสารจากอินเตอร์เน็ต ถ้าพวกเราต้องการ ดังนั้น ถ้ากล่าวว่า อินเตอร์เน็ตถูกจำกัดในเวียดนามเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนบิดเบือนสถานการณ์เสรีภาพสื่อมวลชนของเวียดนาม - ảnh 2
ประชาชนอาจจะใช้อินเตอร์เน็ตทุกเวลาและทุกสถานที่(Photo:Internet)
ถ้าตามที่องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนที่กล่าวหาว่า “เวียดนามเป็นศัตรูของอินเตอร์เน็ต” แน่นอนว่า ในกว่า๑๖ปีที่ผ่านมา จะไม่มีผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตมากถึง๒๗ล้านคน เป็นเกือบร้อยละ๓๑ของประชากรเวียดนามในปัจจุบัน ส่วนชาวต่างชาติที่กำลังอาศัย ปฏิบัติงานและท่องเที่ยวในเวียดนมก็จะถูกเซ็นเซ่อร์เช่นกัน แต่สถานการณ์ที่เป็นจริงขัดกับคำกล่าวหาดังกล่าวขององค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนโดยสิ้นเชิง  เกี่ยวกับปัญหานี้ นางYaima ชาวคิวบาที่อาศัยในเวียดนามมาหลายปีได้เผยว่า นับตั้งแต่มาเวียดนามจนถึงปัจจุบัน เขาไม่เคยประสบอุปสรรคในการใช้บริการอินเตอร์โดยสามารถเชื่อมโยงกับญาติมิตรที่คิวบาอยู่เสมอ ทุกประเทศต่างมีข้อกำหนดของตนในการพัฒนาอินเตอร์เน็ตตามความปรารถนาและผลประโยชน์ของประเทศนั้นๆ    มิใช่เป็นการบังเอิญที่เวียดนามได้กลายเป็นประเทศที่มีอัตราการขยายตัวอินเตอร์เน็ตที่เร็วที่สุดในภูมิภาคและอยู่ในจำนวนประเทศที่มีอัตราการขยายตัวสูงที่สุดในโลกซึ่งการพัฒนาอย่างข้ามขั้นนั้นมาจากความสนใจเป็นพิเศษของพรรคและรัฐต่อเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยเฉพาะ อินเตอร์เน็ต แต่ก็เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ เวียดนามก็มีข้อกำหนดเกี่ยวกับการใช้บริการอินเตอร์เน็ตเพื่อไม่ส่งผลกระทบในทางลบต่อขนบธรรมเนียมประเพณีและความมั่นคงของประเทศ ดังนั้น องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนได้ขาดภาวะวิสัยเมื่อกล่าวว่า เวียดนามเซ็นเซ่อร์อินเตอร์เน็ตซึ่งได้ระบุในรายงานที่องค์การนี้ได้เสนอเมื่อวันที่๑๒มีนาคมที่ผ่านมา       องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนยังขาดภาวะวิสัย เมื่อมอบรางวัลพลเมืองเน็ตปี๒๐๑๓ให้แก่บล๊อคเกอร์Huỳnh Ngọc Chênhที่เป็นชาวเวียดนาม ในการกล่าวปราศรัยเมื่อรับรางวัลนี้ Huỳnh Ngọc Chênhได้ลืมไปว่า จากการพัฒนาอย่างรวดเร็วของอินเตอร์เน็ตในเวียดนาม พลเมืองเน็ตจึงมีโอกาสพบปะพูดคุย แสดงทัศนะต่อทุกปัญหาของประเทศและนานาชาติอย่างมีประชาธิปไตยและเสรีภาพ เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า องค์กรนี้ได้มอบรางวัลให้แก่บุคคลที่ไม่สมเพื่อเจตนาที่ขาดภาวะวิสัยของตน./.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด