เวียดนามสามารถเสร็จสิ้นการปฏิบัติเป้าหมายความเสมอภาคทางเทศและการยกระดับสถานะของสตรี ซึ่งเป็น 1 ใน 3 เป้าหมาย MDG ก่อนกำหนด (internet)

รายงานเกี่ยวกับดัชนีความไม่เสมอภาคทางเพศหรือ GII ของสหประชาชาติปี 2014 ได้ระบุให้เวียดนามอยู่อันดับที่ 60จากจำนวนทั้งหมด 154 ประเทศ ส่วนรายงานการปฏิบัติเป้าหมายพัฒนาแห่งสหัสวรรษหรือ MDG ปี 2013 ได้ระบุเวียดนามสามารถเสร็จสิ้นการปฏิบัติเป้าหมายความเสมอภาคทางเทศและการยกระดับสถานะของสตรี ซึ่งเป็น 1 ใน 3 เป้าหมาย MDG ก่อนกำหนดในปี 2015

ผลสำคัญในการปฏิบัติความเสมอภาคทางเพศ

สิ่งที่โดดเด่นในการคํ้าประกันสิทธิผลประโยชน์ของสตรีในเวียดนามคือการปรับปรุงกรอบกฎหมายและนโยบายเกี่ยวกับความเสมอภาคทางเพศ รวมทั้งการจัดทำและประกาศใช้เอกสารทางกฎหมายเกี่ยวกับหลักการความเสมอภาคทางเพศและการไม่เลือกปฏิบัติตามกฎหมายความเสมอภาคทางเพศปี 2006 และอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับการยุติการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ การสอดแทรกการปฎิบัติเป้าหมายเกี่ยวกับความเสมอภาคทางเพศในการจัดทำและบังคับใช้กฎหมายภายในประเทศ การประกาศยุทธศาสตร์แห่งชาติเกี่ยวกับความเสมอภาคทางเพศระยะปี 2011 – 2020 ที่มุ่งยกระดับจิตสำนึก ลดช่องว่างความไม่เสมอภาคทางเพศและยกระดับสถานะของสตรี ตลอดจนปฏิบัติความคิดริเริ่มของนานาประเทศและภูมิภาคเพื่อส่งเสริมการปกป้องสิทธิของสตรีและต่อต้านการเลือกปฏิบัติต่อสตรี ซึ่งเวียดนามได้บรรลุเป้าหมายแห่งสหัสวรรษเกี่ยวกับความเสมอภาคระหว่างสตรีกับสุภาพบุรุษและการยกระดับสถานะให้แก่สตรีก่อนกำหนดในปี 2015 ซึ่งทำให้เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่แก้ไขปัญหาดังกล่าวได้รวดเร็วที่สุดคือภายในเวลา 20ปี

ในความเป็นจริง เวียดนามมีประชากรร้อยละ 50 เป็นสตรีและมีแรงงานสตรีเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของแรงงานทั้งหมด ซึ่งกำลังเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆในชุมชนมากขึ้น โดยอัตราผู้แทนสภาแห่งชาติสมัยที่ 14 วาระปี 2016 – 2021 ที่เป็นสตรีอยู่ที่ร้อยละ 26.8 ทำให้เวียดนามเป็นประเทศที่มีอัตราผู้แทนสภาแห่งชาติที่เป็นสตรีอยู่ในอันดับต้นๆของโลก นอกจากนั้นยังมีสตรีอีกจำนวนหนึ่งที่ดำรงตำแหน่งสำคัญๆทั้งในระดับส่วนกลางและท้องถิ่น เช่น สมาชิกกรมการเมืองพรรค ประธานสภาแห่งชาติ รองประธานสภาแห่งชาติ รองประธานประเทศ รัฐมนตรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง หัวหน้าสำนักงานและหน่วยงานต่างๆ ซึ่งมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาที่สำคัญๆ ส่วนจำนวนนักธุรกิจที่เป็นสตรีชนกลุ่มน้อยก็เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในการด้านการศึกษา สาธารณสุขและการดูแลสุขภาพให้แก่ประชาชน บทบาทของสตรีชนกลุ่มน้อยนับวันได้รับการส่งเสริมโดยอัตราสตรีที่รู้หนังสืออยู่ที่ร้อยละ 92 เด็กหญิงที่อยู่อาศัยในเขตทุรกันดาร เขตชนกลุ่มน้อยร้อยละ 80 ได้ไปโรงเรียนตามเกณฑ์อายุ อัตรานักศึกษาหญิงอยู่ที่กว่าร้อยละ 50 ส่วนอัตราสตรีที่จบปริญญาโทและปริญญาเอกอยู่ที่กว่าร้อยละ 30 และร้อยละ 17

ลดช่องว่างความเสมอภาคทางเพศต่อไป

รายงานของเวียดนามเกี่ยวกับการปฏิบัติสิทธิมนุษยชนตามกลไกการตรวจสอบเป็นประจำของสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติที่เวียดนามเป็นสมาชิกวาระปี 2014 – 2016 ระบุว่า ยุทธศาสตร์แห่งชาติเกี่ยวกับความเสมอภาคทางเพศและความก้าวหน้าของสตรีเวียดนามได้เน้นปฏิบัติในเขตและภูมิภาคที่มีปัญหาความไม่เสมอภาคทางเพศและมีความเสี่ยงเกิดปัญหาดังกล่าวในระดับสูง ซึ่งมีส่วนช่วยแก้ไขปัญหาการค้าสตรีและการใช้ความรุนแรงในครอบครัว เปิดโอกาสให้สตรีได้รับการฝึกอบรมเพื่อยกระดับทักษะการทำงานเพื่อตอบสนองความต้องการในการปฏิบัติหน้าที่ต่างๆที่ได้รับมอบหมาย ส่วนรัฐบาลได้ปฏิบัติมาตรการต่างๆในการบังคับใช้กฎหมายและความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อฟันฝ่าอุปสรรคที่เกี่ยวข้องถึงความรู้เกี่ยวกับความเสมอภาคทางเพศ ยุติการใช้ความรุนแรงต่อสตรีและการใช้ความรุนแรงในครอบครัว ลดช่องว่างด้านงานทำ รายได้และสถานะทางสังคม ซึ่งได้มีรูปแบบต่างๆเพื่อผลักดันการปฏิบัติความเสมอภาคทางเพศและมอบสิทธิมากขึ้นให้แก่สตรีในหน่วยงานต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพในหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเวียดนามจะเน้นปฏิบัติมาตรการดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในเวลาข้างหน้า

ควบคู่กันนั้น เวียดนามได้ตั้งเป้าไว้ว่า จะเพิ่มอัตราสตรีชนกลุ่มน้อยที่ดำรงตำแหน่งผู้บริหารหน่วยงานทุกระดับเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่และทักษะความสามารถของสตรีชนกลุ่มน้อย  โดยรัฐบาลเวียดนามให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อการสร้างโอกาสให้สตรีสามารถเข้าถึงงานทำที่มีรายได้สูง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้แก่สตรี ครอบครัวและสังคม เวียดนามจะผลักดันการประชาสัมพันธ์เพื่อยกระดับจิตสำนึกเกี่ยวกับความเสมอภาคทางเพศ เปลี่ยนแปลงแนวความคิดที่มีอคติเกี่ยวกับความเสมอภาคทางเพศในสังคม ตลอดจนกระชับความร่วมมือระหว่างประเทศในการแก้ไขปัญหาความไม่เสมอภาคทางเพศ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ด้อยโอกาสและในด้านที่มีลักษณะเชิงยุทธศาสตร์ เช่น การศึกษา สาธารณสุขและงานทำ.