เวียดนามและยุโรปร่วมกันมุ่งสู่อนาคต
Ánh Huyền-VOV5 -  
(VOVworld) - วันที่ 25 สิงหาคม นาย โฮเซ มานูเอล บาร์โรโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปหรืออีซีได้เริ่มการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของท่าน เหงียนเติ๊นหยุง นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นการเยือนเวียดนามครั้งที่ 2 ของนาย บาร์โรโซ ในฐานะประธานอีซี แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรปหรืออียูที่กำลัง พัฒนาอย่างเข้มแข็งมากขึ้น
(VOVworld) - วันที่ 25 สิงหาคม นาย โฮเซ มานูเอล บาร์โรโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปหรืออีซีได้เริ่มการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของท่าน เหงียนเติ๊นหยุง นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นการเยือนเวียดนามครั้งที่ 2 ของนาย บาร์โรโซ ในฐานะประธานอีซี แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรปหรืออียูที่กำลังพัฒนาอย่างเข้มแข็งมากขึ้น
นาย โฮเซ มานูเอล บาร์โรโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป
|
เวียดนามและสหภาพยุโรปหรืออียูซึ่งมีประเทศสมาชิก 28 ประเทศได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 1990 และเมื่อปี 1996 อียูได้เปิดสำนักงานตัวแทนประจำกรุงฮานอยอย่างเป็นทางการซึ่งนับตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ได้พัฒนาอย่างรวดเร็วในทุกมิติและทั้งสองฝ่ายยังจัดการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนระดับสูงเป็นประจำ ปัจจุบัน อียูได้กลายเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนสำคัญชั้นนำของเวียดนามในหลายด้าน โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน มีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งต่อกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและผสมผสานเข้ากับกระแสเศรษฐกิจโลกของเวียดนาม
ก้าวกระโดดในความสัมพันธ์เวียดนาม-อียู
นับตั้งแต่อียูอนุมัติสนธิสัญญาลิสบอนเกี่ยวกับการปฏิรูประเบียบการ อียูได้ปฏิบัติแนวทางต่างประเทศที่เข้มแข็งโดยที่น่าสนใจคือได้ให้ความสนใจถึงแถบเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะอาเซียน รวมทั้งเวียดนาม ในสภาวการณ์ดังกล่าว เวียดนามได้ผลักดันความสัมพันธ์อย่างเข้มแข็งกับอียูในหลายด้าน โดยเฉพาะเมื่อปี 2012 ถือเป็นปีแห่งก้าวกระโดดของความสัมพันธ์เวียดนาม-อียูเนื่องจากทั้งสองฝ่ายได้ลงนามกรอบข้อตกลงหุ้นส่วนและร่วมมือในทุกด้านหรือพีซีเออย่างเป็นทางการ ท่าน ฝ่ามแซงโจว เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำเบลเยี่ยมและอียูได้ยืนยันว่า“นับเป็นครั้งแรกที่พวกเราได้ลงนามข้อตกลงและให้สัตยาบันกรอบข้อตกลงหุ้นส่วนและความร่วมมือในทุกด้านหรือพีซีเอซึ่งเป็นพื้นฐานเพื่อพัฒนาความร่วมมือเวียดนาม-อียูซึ่งกิจกรรมนี้ได้ก้าวไปไกลเกินกว่ากรอบความร่วมมือปกติของประเทศรับการช่วยเหลือและประเทศให้การช่วยเหลือและปัจจุบัน ทั้งสองฝ่ายกำลังเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีหรือเอฟทีเอซึ่งจะช่วยให้สินค้าเวียดนามเจาะตลาดยุโรปสะดวกมากขึ้นและไม่ต้องชำระภาษี”
สามารถยืนยันได้ว่า การค้า-การลงทุนคือเสาหลักสำคัญในความสัมพันธ์เวียดนาม-อียูโดยนับตั้งแต่ปี 2001-2013 มูลค่าการค้าต่างตอบแทนได้เพิ่มขึ้น 7 เท่าจาก 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐเมื่อปี 2001 ขึ้นเป็น 3 หมื่น 3 พัน 7 ร้อยล้านเหรียญสหรัฐเมื่อปี 2013โดยเมื่อปี 2012 อียูได้กลายเป็นตลาดส่งออกอันดันหนึ่งของเวียดนามแทนสหรัฐ สิ่งที่โดดเด่นในความสัมพันธ์ด้านการค้าระหว่างเวียดนามกับอียูคือมีการสนับสนันกัน การแข่งขันอยู่ในระดับที่ไม่สูงนักและเวียดนามได้เปรียบดุลการค้าอียู ด้านการลงทุน จนถึงเดือนมิถุนายนปี 2014 มีประเทศสมาชิกอียู 23 ประเทศจากจำนวนทั้งหมด 28 ประเทศที่ลงทุนในเวียดนามโดยมีโครงการลงทุน 1471 โครงการ รวมเงินทุนจดทะเบียนกว่า 1 หมื่น 8 พันล้านเหรียญสหรัฐโดยเน้นในด้านอุตสาหกรรมแปรรูป เครื่องจักรกล การผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า แก๊ซ น้ำ ข้อมูลข่าวสารและประชาสัมพันธ์ ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายกำลังผลักดันการลงนามข้อตกลงเอฟทีเอโดยเร็วเพื่อใช้โอกาสการค้าและการลงทุน ในกรอบการเยือนเวียดนามในระหว่างวันที่ 11-12 สิงหาคมที่ผ่านมา นาง แคทเธอรีน แอสตัน รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรปได้ย้ำว่า“ความสำเร็จในการลงนามข้อตกลงเอฟทีเอเวียดนาม-อียูจะเปิดโอกาสที่ยิ่งใหญ่ให้แก่สถานประกอบการของทั้งสองฝ่ายโดยมูลค่าการค้าต่างตอบแทนจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นำผลประโยชน์และตอบสนองความปรารถนาให้แก่ทั้งสองฝ่าย ปัจจุบัน กระบวนการเจรจาเอฟทีเอระหว่างเวียดนามกับอียูกำลังเป็นไปอย่างดีและพวกเราหวังว่าจะเสร็จสิ้นการเจรจาในปลายปีนี้”
ไม่เพียงแต่เป็นหุ้นส่วนสำคัญในด้านการค้าและการลงทุนเท่านั้น แต่อียูและประเทศสมาชิกยังเป็นนักอุปถัมภ์รายใหญ่ด้านเงินทุนเพื่อช่วยเหลือการพัฒนาอย่างเป็นทางการหรือโอดีเอให้แก่เวียดนามอีกด้วยโดยให้คำมั่นเพิ่มการสนับสนุนเงินช่วยเหลือให้แก่เวียดนามเป็น 400 ล้านยูโร่ในช่วงปี 2014-2020 เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับช่วงปี 2007-2013
ร่วมมือกันเพื่อสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคและโลก
นอกจากความสัมพันธ์ทวิภาคี เวียดนามและอียูยังร่วมมือในฟอรั่มพหุภาคีและองค์การระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในกรอบความร่วมมืออาเซียน-อียู ความร่วมมือเอเชีย-ยุโรปหรืออาเซมและสหประชาชาติในหลายด้าน ปัจจุบัน เวียดนามกำลังเป็นประเทศประสานความสัมพันธ์สนทนาอาเซียน-อียูโดยเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เวียดนามและอียูได้ประสบความสำเร็จในการเป็นประธานการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-อียูครั้งที่ 20 ภายใต้หัวข้อ “มุ่งสู่ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์อาเซียน-อียูเพื่อสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรือง” ท่าน ฝ่ามแซงโจว ได้เผยต่อไปว่า“จุดใหม่ในความสัมพันธ์เวียดนาม-อียูมีส่วนเกี่ยวข้องถึงปัญหาความมั่นคงของเวียดนาม นั่นคืออียูเป็นหนึ่งในไม่กี่หุ้นส่วนต่างประเทศของเวียดนามที่มีการอภิปรายสถานการณ์ในทะเลตะวันออกในการประชุมสภายุโรป สภายุโรปยังอนุมัติมติผลักดันความสัมพันธ์กับประเทศสมาชิกอาเซียน รวมทั้งกล่าวถึงจุดยืนขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับการรักษาสันติภาพในทะเลตะวันออก นี่คือข้อใหม่ที่น่ายินดีในความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับอียู”
ในกรอบการเยือนเวียดนามเป็นเวลา 2 วัน นาย โฮเซ มานูเอล บาร์โรโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปจะหารือกับบรรดาผู้นำเวียดนามเกี่ยวกับมาตรการผลักดันความสัมพันธ์ทวิภาคี โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ การค้า ปัญหาทั้งในระดับภูมิภาคและโลกที่ต่างให้ความสนใจ การเยือนเวียดนามครั้งนี้ของนาย โฮเซ มานูเอล บาร์โรโซ จะเปิดศักยภาพใหม่ให้แก่ความสัมพันธ์ร่วมมือในหลายด้านระหว่างเวียดนามกับอียูอย่างแน่นอนซึ่งจะนำผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่มาให้แก่ทั้งสองฝ่าย รวมทั้งสันติภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาในภูมิภาคและโลก./.
Ánh Huyền-VOV5