(VOVWORLD) - เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ธนาคารโลกหรือ WB ได้ประกาศรายงานอัพเดทเศรษฐกิจมหภาคของเวียดนามในเดือนมิถุนายนปี 2022 โดยประเมินว่า เศรษฐกิจของเวียดนามยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัว ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน องค์กรระหว่างประเทศหลายแห่งได้คาดการณ์ในเชิงบวกต่อเศรษฐกิจของเวียดนาม โดยมีสัญญาณการฟื้นตัวในด้านต่างๆถึงแม้โลกกำลังต้องเผชิญความไร้เสถียรภาพที่เพิ่มมากขึ้น
เศรษฐกิจเวียดนามฟื้นตัวหลังการระบาดใหญ่
รายงานของ WB ได้ระบุจุดเด่นของเศรษฐกิจเวียดนามหลายจุด โดยดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งการเพิ่มขึ้นนี้เท่ากับช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 ดัชนี PMI ของอุตสาหกรรมแปรรูปและเครื่องจักรกลอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 12 เดือน การผลิตสิ่งทอเสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้า คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยังคงเติบโตอย่างเข้มแข็ง ดัชนีหลัก ๆ ได้ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ จำนวนผู้เข้าไปใช้บริการร้านอาหาร ร้านกาแฟ ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีกและสถานบันเทิง ก็กลับมาอยู่ในระดับเดียวกับก่อนเกิดการระบาด
รายงานของ WB ยังระบุว่า สินเชื่อเติบโตอย่างเข้มแข็งโดยอยู่ที่ร้อยละ 16.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะข้ามคืนระหว่างธนาคารลดลงจากร้อยละ 1.73 เมื่อปลายเดือนเมษายนลงเหลือ 0.33% ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม
ก่อนหน้านั้น ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชียหรือADB คาดการณ์ว่า การเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามจะอยู่ที่ร้อยละ 6.5 ในปี 2022 และร้อยละ 6.7 ในปี 2023 ในขณะเดียวกัน กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF ก็คาดการณ์ไปในทางเดียวกัน โดยในฟอรั่ม "การพยากรณ์เศรษฐกิจเวียดนามในช่วงปี 2022-2023: สถานการณ์การเติบโตและศักยภาพของภาคเศรษฐกิจที่สำคัญ" ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2022 นาย Francois Painchaud หัวหน้าสำนักงานตัวแทนของ IMF เวียดนามได้ยืนยันว่า
“เวียดนามประสบความสำเร็จในการธำรงความมีเสถียรภาพด้านการเงินการคลัง ดุลเงินสำรองระหว่างประเทศ และการคาดการณ์ การเติบโตของเวียดนามจะบรรลุร้อยละ 6 ในปี 2022 และร้อยละ 7.2 ในปี 2023 และคาดว่า อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น แต่ก็จะต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารชาติคือร้อยละ 4 โดยเฉพาะการประกาศใช้โครงการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเป็นสิ่งที่เหมาะสมและทันเวลาเพื่อส่งเสริมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในกรอบโครงการนี้ในช่วงปี 2022-2023 จะช่วยส่งเสริมการฟื้นตัว แก้ไขผลกระทบจากโรคระบาด และผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืนและครอบคลุม”
เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2022 องค์การจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ S&P ได้ปรับขึ้นอันดับความน่าเชื่อถือในระยะยาวของเวียดนามเป็น BB+ และ "มีเสถียรภาพ" ในสภาวการณ์ที่สถานการณ์โลกยังคงมีความซับซ้อนและผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโควิด-19 เวียดนามเป็นหนึ่งในสองประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ได้รับการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือ ซึ่งการปรับเพิ่มอันดับครั้งนี้ทาง S&P มองว่า เศรษฐกิจเวียดนามกำลังฟื้นตัวอย่างเข้มแข็ง และการประเมินว่ามีเสถียรภาพ ยังแสดงให้เห็นการคาดการณ์ของ S&P ในอีก 12 ถึง 24 เดือนข้างหน้า โดยเศรษฐกิจเวียดนามจะฟื้นตัวต่อไป ฟันฝ่าอุปสรรค ความท้าทายจากการแพร่ระบาดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีส่วนร่วมเสริมสร้างสถานะด้านการต่างประเทศและควบคุมการขาดดุลงบประมาณ
รองผู้ว่าการธนาคารชาติเวียดนาม ด่าวมิงตู้ |
ธำรงการควบคุม สร้างก้าวกระโดดให้แก่เศรษฐกิจ
ในทางเป็นจริง ในเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เวียดนามได้ประกาศใช้นโยบายเศรษฐกิจมหภาค นโยบายการเงินที่คล่องตัว ให้การช่วยเหลือประชาชนและสถานประกอบการผ่านการลด ขยายระยะเวลาการชำระภาษีและค่าธรรมเนียม และอัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุน
โครงการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของรัฐบาลได้สร้างโอกาสให้แก่การฟื้นฟูการผลิต ห่วงโซ่อุปทานและแรงงานอย่างรวดเร็ว และส่งเสริมพลังขับเคลื่อนของการเติบโต นาย ด่าวมิงตู้ รองผู้ว่าการธนาคารชาติเผยว่า ธนาคารชาติเวียดนามได้รักษาสภาพคล่องและลดอัตราดอกเบี้ยซึ่งเป็นปัจจัยที่จำเป็นเพื่อช่วยให้ธนาคารพาณิชย์ฟันฝ่าวิกฤติได้อย่างปลอดภัยและป้องกันการเพิ่มความเข้มงวดด้านสินเชื่อมากเกินไป
“ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ธนาคารชาติได้กำหนดภารกิจสำคัญคือ การจัดสรรเงินทุนให้แก่เศรษฐกิจ โดยเน้นสินเชื่อในด้านที่สำคัญและจำเป็นเพื่อฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว แก้ไขอุปสรรคให้แก่สถานประกอบการและฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เร็วที่สุด ดังนั้น ยอดสินเชื่อของเศรษฐกิจจึงเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 7.75 ส่วนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2021 สินเชื่อได้เพิ่มขึ้นสองเท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว”
ที่น่าสนใจคือ การเพิ่มสินเชื่อกระจายไปในทุกภาคส่วนที่สำคัญ เช่น การเกษตร อุตสาหกรรม การบริการเชิงพาณิชย์และร้านอาหาร ซึ่งเป็นด้านที่ประสบปัญหาอย่างหนักจากโควิด-19 นโยบายทั้งหมดเหล่านี้บวกกับนโยบายที่เน้นการกระจายเงินทุนไปยังด้านที่สำคัญและฟื้นฟูเศรษฐกิจได้บรรลุผลงานในเบื้องต้นในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา
ในสภาวการณ์ที่โลกมีความผันผวนและความท้าทายเป็นอย่างมาก ผลงานที่ได้บรรลุในเบื้องต้น ได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการชี้นำและบริหารของภาครัฐที่กำลังดำเนินไปถูกทิศทาง มีเสถียรภาพและฟื้นฟูเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งได้รับการชื่นชมเป็นอย่างมากจากประชาคมระหว่างประเทศ.