สมัชชาใหญ่ผู้แทนทั่วประเทศพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่12ที่มีขึ้น ณ กรุงฮานอยในระหว่างวันที่20-28มกราคมเป็นเหตุการณ์ทางการเมืองที่มีความหมายสำคัญอย่างยิ่งในปี2016 โดยมติของสมัชชาได้ระบุ6หน้าที่สำคัญที่ต้องปฏิบัติช่วงปี2016-2021เกี่ยวกับการสร้างสรรค์องค์กรพรรค ยกระดับทักษะการนำและพลังการต่อสู้ของพรรค พัฒนาเศรษฐกิจสังคม พยายามนำเวียดนามกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัยโดยพื้นฐาน ยืนหยัดต่อสู้เพื่อปกป้องเอกราช อธิปไตย เอกภาพและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศ ในการนี้สมัชชาได้เลือกท่านเหงวียนฟู้จ๋องเป็นเลขาธิการใหญ่พรรคสมัยต่อไป.

ประธานประเทศสาบานตนรับตำแหน่ง

2.การเลือกตั้งรัฐสภาสมัยที่14และสภาประชาชนทุกระดับ

วันที่20พฤษภาคม ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกว่า67ล้านคนซึ่งคิดเป็นร้อยละ99ได้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งผู้แทนรัฐสภาสมัยที่14และสภาประชาชนทุกระดับวาระปี2016-2021 ซึ่งนับเป็นก้าวพัฒนาที่สำคัญในกระบวนการสร้างสรรค์ปรับปรุงนิติรัฐสังคมนิยมให้มีความสมบูรณ์ สร้างพื้นฐานให้แก่การปฏิบัติมติของสมัชชาพรรคสมัยที่12 สร้างสรรค์องค์กรที่เป็นตัวแทนของประชาชน ในที่ประชุม นายเจิ่นด๋ายกวาง สมาชิกกรมการเมืองได้รับเลือกเป็นประธานประเทศ นายเหงวียนซวนฟุก สมาชิกกรมการเมือง ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ นางเหงวียนถิกิมเงิน สมาชิกกรมการเมืองได้รับเลือกเป็นประธานรัฐสภา ซึ่งบรรดาผู้นำประเทศได้แสดงความมุ่งมุ่นตั้งใจสร้างสรรค์รัฐที่บริสุทธิ์ เข้มแข็ง โปร่งใส สร้างระบบราชการที่ทันสมัยและเป็นมืออาชีพ เพิ่มความเข้มงวดด้านกฎระเบียบ ส่งเสริมประชาธิปไตยควบคู่กับการให้ความเคารพกฎหมาย.

นายหวูฮวีหว่างถูกปลดออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคสาขากระทรวงอตุสากรรมและพาณิชย์

3.พรรคยืนหยัดปฏิบัติการปรับปรุงองค์กรให้มีความโปร่งใสอย่างเคร่งครัด

มติการประชุมครั้งที่4คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่12ได้ยืนยันอีกครั้งถึงความตั้งใจและมาตรการที่เข้มแข็งเพื่อผลักดันงานด้านการปรับปรุงองค์กรพรรค ป้องกันและขจัดปัญหาความเสื่อมถอยด้านแนวคิดทางการเมือง คุณธรรม การดำเนินชีวิตและปัญหาความผันแปรภายในพรรค ซึ่งนอกจากกรณีใหญ่หลายกรณีที่ถูกเปิดโปงและดำเนินคดีอย่างเข้มงวด ก็ยังมีการลงโทษอดีตสมาชิกคณะกรรมการกลางพรรค3คนรวมถึงองค์กรและบุคคลที่มีการทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากประชามติและช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจในหมู่เจ้าหน้าที่สมาชิกพรรคและประชาชนที่มีต่อพรรคและรัฐ.

4.จำนวนสถานประกอบการที่จัดตั้งใหม่บรรลุสถิติใหม่

นายกฯได้เลือกปี2016เป็นปีแห่งธุรกิจสตาร์ทอัพแห่งชาติและจากความพยายามและความตั้งใจอย่างสูงปี2016ก็เป็นปีที่กระแสการจัดตั้งสถานประกอบการใหม่ได้เพิ่มขึ้นทั้งด้านจำนวนและคุณภาพ โดยนับจนถึงเดือนธันวาคมปี2016 มีสถานประกอบการที่จัดตั้งใหม่กว่า1แสนแห่ง ซึ่งมากกว่าปี2015ที่มีกว่า9หมื่น4พันแห่ง ควบคู่กันนั้นยังมีสถานประกอบการที่กลับมาประกอบธุรกิจอีกครั้งกว่า2หมื่น4พันแห่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ32เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นอกจากนั้นเวียดนามได้เลื่อนขึ้น9อันดับในด้านบรรยากาศการลงทุนตามการประเมินของธนาคารโลกเนื่องจากมีการปรับปรุงระเบียบราชการต่างๆ.

5. เดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังน้ำลายโจว์เร็วกว่ากำหนด1ปี

โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำลายโจว์เป็นกิจการใหญ่อันดับสามที่ก่อสร้างบนแม่น้ำด่าโดยมีเครื่องปั่นไฟรวม3หน่วยเครื่องมีกำลังการผลิตไฟฟ้า1200เมกะวัตต์ ทำหน้าที่เป็นเขื่อนป้องกันน้ำท่วมและเป็นแหล่งกักเก็บน้ำให้แก่เขตที่ราบลุ่มแม่น้ำแดงในหน้าแล้ง ซึ่งการเดินเครื่องโครงการเร็วกว่าแผนการของรัฐสภา1ปีได้ช่วยประหยัดงบประมาณมหาศาลและมีส่วนร่วมค้ำประกันความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ.

บทกวีบนสถาปัตยกรรมพระราชวังเว้

6.ส่งเสริมการอนุรักษ์และพัฒนาประชาสัมพันธ์คุณค่าวัฒนธรรมแห่งชาติ

ปี2016การปฏิบัติความเลื่อใสในการบูชาเจ้าแม่ของเวียดนามได้รับการรับรองเป็นมรดกวัฒนธรรมนามธรรมที่เป็นตัวแทนของมนุษยชาติจากองค์การยูเนสโก้ ทำให้จำนวนมรดกวัฒนธรรมนามธรรมของเวียดนามที่ได้รับการรับรองมีทั้งหมด11รายการ นอกจากนี้ก็มีมรดกวัฒนธรรมอีก2รายการคือบทกวีบนสถาปัตยกรรมพระราชวังเว้และแผ่นพิมพ์ไม้โรงเรียนฟุกยางได้รับการรับรองเป็นมรดกด้านข้อมูลแห่งโครงการความทรงจำโลกย่านเอเชีย-แปซิฟิก.

7.เวียดนามต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติคนที่10ล้าน

หน่วยงานการท่องเที่ยวเวียดนามได้มีก้าวพัฒนาอย่างน่าประทับใจในปี2016 โดยได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติคนที่10ล้าน มีนักท่องเที่ยวในประเทศกว่า62ล้านคนและกำลังยืนยันสถานะการเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจ ปลอดภัยและเปี่ยมด้วยมิตรไมตรีในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก.

8. ปัญหาสิ่งแวดล้อมทางทะเลครั้งรุนแรงในภาคกลาง

การที่บริษัทหุ้นส่วนจำกัดฟอร์มอซาห่าติ๋งปล่อยน้ำเสียที่ปนเปื้อนสารพิษอันตรายลงสู่ทะเลจนทำให้เกิดปัญหามลพิษทางน้ำอย่างรุนแรงต่อเขตทะเลในจังหวัดต่างๆทางภาคกลางจากจังหวัดห่าติ๋ง-จังหวัดเถื่อเทียนเว้ ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาวประมงหลายแสนครัวเรือน ซึ่งนับเป็นบทเรียนราคาแพงในการเลือกและอนุมัติโครงการลงทุนต่างๆ ย้ำเตือนถึงการยืนหยัดที่จะไม่แลกสิ่งแวดล้อมกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเฉพาะหน้า ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบกำลังแก้ไขและพิจารณาการลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้อง.

9.ปัญหาภัยธรรมชาติมีความซับซ้อน

เขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง เขตเตยเงวียนและภาคกลางตอนใต้ต้องประสบปัญหาภัยแล้งและน้ำทะเลซึมที่ความรุนแรงที่สุดในรอบ100ปีซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนหลายสิบล้านคน สร้างความเสียหายคิดเป็นเงินหลายล้านล้านด่ง โดยภัยแล้งเกิดขึ้นในพื้นที่ร้อยละ70ของเขตเตยเงวียนและภาคกลางตอนใต้ น้ำทะเลซึ้มที่กินพื้นที่ลึกเข้าไปในพื้นที่จังหวัดต่างๆในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงถึง90กิโลเมตร ส่วนในช่วงปลายปี ทางภาคกลางก็เผชิญฝนตกหนักจนเกิดอุทกภัยเป็นบริเวณกว้าง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและสูญหายเกือบ100คน บ้านเรือนและทุ่งนาได้รับสร้างความเสียหายคิดเป็นเงินหลายหมื่นล้านด่ง.

ผู้ผลิตน้ำปลาดั้งเดิมได้รับผลกระทบจากการปล่อยข่าวที่ไม่ถูกต้อง

10.ความประมาทและไม่ใส่ใจได้ส่งผลเสียที่รุนแรง

ในปี2016ได้เกิดเหตุอัคคีภัยที่รุนแรงทั้งในกรุงฮานอย นครโฮจิมินห์ จ.บิ่งเยือง ด่งนาย ลองอาน บิ่งถวน ซึ่งทำให้เกิดความสูญเสียอย่างหนังต่อชีวิตและทรัพย์สิน ส่วนอุบัติเหตุการจราจรแม้จะลดลงในด้านจำนวนแต่ได้เกิดอุบัติเหตุที่รุนแรง ซึ่งส่งผลเสียต่อทั้งผู้เคราะห์ร้าย ครอบครัวและสังคม

ส่วนการที่สมาคมมาตรฐานและปกป้องผู้บริโภคเวียดนามหรือวีนาส์ตาสได้ออกมาประกาศเกี่ยวกับปัญหาน้ำปลาที่ผลิตแบบดั้งเดิมที่มีสารหนูเจือปนเกินกำหนดแต่ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าเป็นสารหนูอินทรีย์(Organic) หรือ สารหนูอนินทรีย์ (Inorganic) ตามที่รายงานผ่านสื่อต่างๆได้สร้างความวิตกกัลวลและความไม่พอใจต่อสังคม ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบได้พิจารณาและยินยันว่านี่เป็นการเสนอข่าวที่ไม่ถูกต้องและละเมิดกฎหมายโดยมุ่งสร้างปัญหาอุปสรรคให้แก่ผู้ผลิตน้ำปลาพื้นเมือง.