(VOVWORLD) - 10 เหตุการณ์เด่นต่างประเทศประจำปี 2022 จัดโดยสถานีวิทยุเวียดนาม
1. การปะทะระหว่างรัสเซียกับยูเครนส่งผลกระทบในขอบเขตทั่วโลก
สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจของโลกได้มีความผันผวนเป็นอย่างมากหลังจากที่รัสเซียเปิดยุทนาการณ์ทางทหารพิเศษในยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาโดยในตลอด 10 เดือน ปัญหานี้ยังไม่มีท่าทีคลี่คลายลง และกำลังส่งผลกระทบในระยะยาวต่ออนาคตของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทำให้โลกตกเข้าสู่ภาวะที่ต้องรับมือจุดเปลี่ยนที่อันตรายใหม่ๆ สำหรับปัญหาการปะทะระหว่างรัสเซียกับยูเครน เวียดนามได้แสดงจุดยืนอย่างเป็นทางการหลายครั้ง โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการปะทะ ฟื้นฟูการสนทนาและการเจรจาเพื่อฟื้นฟูสันติภาพ รักษาความมั่นคงและความปลอดภัยให้แก่ประชาชนและโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่างๆ
2. โลกเปิดประตูหลังวิกฤตโควิด 19 เศรษฐกิจโลกต้องเผชิญภาวะถดถอย
นับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2022 โลกได้เปลี่ยนยุทธศาสตร์รับมือวิกฤตโควิด -19 ด้วยการเป็นฝ่ายรุกในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์การแพร่ระบาด โดยเกือบทุกประเทศทั่วโลกได้ปฏิบัติแนวทางชีวิตวิถีใหม่ เปิดจุดผ่านแดนและฟื้นฟูการแลกเปลี่ยนการค้าเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังเกือบ 2 ปีที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด แต่อย่างไรก็ตาม สหรัฐ บรรดาประเทศยุโรปและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นแกนหลักของเศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงเป็นประวัติกาล ส่งผลให้ธนาคารกลางของหลายประเทศต้องออกมาตรการทางการเงินที่เข้มงวด นอกจากนี้ แรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อจนทำให้ต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยพื้นฐาน วิกฤตอาหารและพลังงานซึ่งเป็นผลจากการปะทะระหว่างรัสเซียกับยูเครนได้ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกใกล้ตกเข้าสู่ภาวะถดถอยที่อาจยืดเยื้อต่อไปในปี 2023
3. โลกมีประชากร 8 พันล้านคน เป็นทั้งโอกาสและความท้าทาย
วันที่ 15 พฤศจิกายน เป็นวันที่โลกมีประชากร 8 พันล้านคน ซึ่งนี่ถือเป็นความสำเร็จด้านโภชนาการและสาธารณสุขในการดูแลสุขภาพประชาชนและความพร้อมในด้านแรงงานเพื่อช่วยให้โลกบรรลุเป้าหมายเกี่ยวกับการพัฒนามนุษย์และเศรษฐกิจสังคม แต่ในทางกลับกัน การเพิ่มขึ้นของประชากรก็สร้างความท้าทายต่างๆ ซึ่งรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ต้องมีมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่นแรงกดดันต่อระบบโครงสร้างพื้นฐาน สวัสดิการและบริการทางสังคม ปัญหาประชากรสูงอายุ ความไม่เสมอภาคในสังคม ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน มลภาวะสิ่งแวดล้อมและการทำลายระบบนิเวศ เป็นต้น.
4. วิกฤตด้านพลังงานในทั่วโลก
วิกฤตด้านพลังงานในทั่วโลกได้ส่งผลกระทบให้ภูมิภาคต่างๆต้องรับมือภาวะขาดแคลนพลังงาน ในขณะที่ราคาน้ำมัน ก๊าซและไฟฟ้านับวันเพิ่มสูงขึ้น โดยเป็นผลจากหลายเรื่อง ทั้งวิกฤตโควิด -19 การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การขยายตัวที่ขาดความยั่งยืนในช่วงที่ผ่านมาและสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยราคาถ่านหินเพิ่มขึ้น 5 เท่า ในขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น 10 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2021 ส่งผลให้โลกต้องรับมือความท้าทายที่ไม่สามารถคาดเดาได้ วิกฤตพลังงานในทั่วโลกได้แสดงให้เห็นว่าการปรับเปลี่ยนมาใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและพลังงานหมุนเวียนเป็นแนวโน้มที่จำเป็นที่ต้องปฏิบัติโดยเร็ว.
5. การประชุม COP -27 บรรลุข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการจัดตั้ง “กองทุนชดเชยความสูญเสียและความเสียหาย”
ที่ประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 27 หรือ COP -27 ณ เมือง Sharm El-Sheikh ประเทศอียิปต์ ได้อนุมัติข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการจัดตั้ง “กองทุนชดเชยความสูญเสียและความเสียหาย” ให้แก่บรรดาประเทศที่มีความเสี่ยงและเปราะบางต่อปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยจะมีการจ่ายค่าชดเชยให้แก่ความสูญเสียและความเสียหายจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศให้แก่บรรดาประเทศยากจนเพื่อนำไปก่อสร้างที่อยู่อาศัย ซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภคและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาตินี่ถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของบรรดาประเทศที่กำลังพัฒนาภายหลังการเจรจาเกี่ยวกับปัญหานี้มาเป็นเวลากว่า 30 ปี.
6. จีนประสบความสำเร็จในการจัดการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์สมัยที่ 20
การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์สมัยที่ 20 ถือเป็นการประชุมที่มีความหมายสำคัญต่อประเทศจีนในสภาวการณ์ที่เศรษฐกิจรายใหญ่อันดับสองของโลกนี้กำลังย่างเข้าสู่ระยะใหม่แห่งการสร้างสรรค์ประเทศให้มีความสมบูรณ์และสร้างสรรค์สังคมนิยมที่ทันสมัย ที่ประชุมฯ ได้ย้ำถึงหน้าที่หลักของพรรคฯ ในการชี้นำประเทศปฏิบัติเป้าหมาย “ 100 ปี” ครั้งที่ 2 สร้างสรรค์ประเทศจีนให้กลายเป็นประเทศสังคมนิยมที่ทันสมัยในทุกด้านผ่านการพัฒนาเป็นประเทศที่ทันสมัย พร้อมทั้งเปิดแนวทางต่างๆในนโยบายการต่างประเทศเพื่อรับมือความท้าทายและปรับปรุงบทบาทและสถานะของจีนบนเวทีโลก
7. พรรคริพับลิกันชนะการเลือกตั้งรัฐสภาสหรัฐกึ่งวาระ
การเลือกตั้งรัฐสภาสหรัฐกึ่งวาระปี 2022 ได้มีขึ้นด้วยการแข่งขันอย่างสูสีระหว่างตัวเต็งทั้งจากพรรคเดโมแครตและพรรคริพับลิกัน โดยพรรคเดโมแครตยังคงครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาต่อไป ในขณะที่พรรคริพับลิกันได้ครองเสียงข้างมากในสภาล่าง ซึ่งส่งผลให้ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ต้องรับมือความท้าทายต่างๆ ในตลอด 2 ปีที่เหลือของวาระ รวมทั้งผลกระทบต่อนโยบายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศและการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2024
8. นาโต้เดินหน้าขยายพันธมิตรต่อไป
วันที่ 5 กรกฎาคมปี 2022 ณ กรุงบรัสเซล ประเทศเบลเยียม 30 ประเทศสมาชิกนาโต้ได้ลงนามรับรองเอกสารที่สวีเดนและฟินแลนด์ยื่นขอเข้าเป็นสมาชิกนาโต้ ซึ่งเป็นท่าทีที่สำคัญของนาโต้นับตั้งแต่ช่วงปี 1990 และเป็นการยุติจุดยืนที่เป็นกลางของทั้งสองประเทศในยุโรปเหนือนี้และทำให้ภูมิศาสตร์การเมืองภายในกลุ่มนาโต้มีการเปลี่ยนแปลง ถ้าหากสองประเทศนี้เสร็จสิ้นกระบวนการเข้าเป็นสมาชิกนาโต้ จะส่งผลให้โครงสร้างความมั่นคงในยุโรปมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมากในอนาคต
9. สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีทดลองขีปานาวุธหลายครั้งและอนุมัติกฎหมายประกาศเป็นประเทศแห่งนิวเคลียร์
วันที่ 8 กันยายนปี 2022 สภาประชาชนสูงสุดของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีได้อนุมัติกฎหมายกำหนดสิทธิการใช้การโจมตีด้านนิวเคลียร์ก่อนเพื่อป้องกันตนเอง โดยกฎหมายฉบับนี้จะเปิดทางให้สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีสามารถทำการโจมตีก่อนได้ถ้าหากเห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่จะถูกโจมตีด้วยอาวุธที่มีอนุภาพทำลายล้างสูงหรือการโจมตีที่มุ่งเป้ามายัง “สถานที่เชิงยุทธศาสตร์” ของตน ในขณะเดียวกัน ประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง คือ สหรัฐ ญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลีได้เพิ่มการซ้อมรบขนาดใหญ่เพื่อรับมือภัยคุกคามเหล่านี้จากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ซึ่งท่าทีของทุกฝ่ายได้ทำให้สถานการณ์ความมั่นคงและสันติภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ในภาวะที่เลวร้ายมากขึ้น
10. การแข่งขันฟุตบอลโลกได้จัดขึ้นในตะวันออกกลางเป็นครั้งแรก
การแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายได้จัดขึ้นที่ประเทศการ์ตาในระหว่างวันที่ 20 พฤศจิกายน – 18 ธันวาคม โดยในการแข่งขันครั้งนี้ได้สร้างประวัติศาสตร์ต่าง ๆ ให้แก่วงการฟุตบอล เช่น เป็นการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งแรกในประเทศตะวันออกกลาง เป็นการจัดการแข่งขันในฤดูหนาวครั้งแรกซึ่งปกติจะจัดการแข่งขันในฤดูร้อน เป็นครั้งแรกที่ทีมจากทวีปแอฟริกาคือโมร็อคโกผ่านเข้าไปเตะนัดชิงที่ 3 ในขณะที่นัดชิงชนะเลิศก็ถือเป็นนัดที่น่าจดจำเพราะเป็นการดวลแข้งกันระหว่างทีมชาติอาร์เจนตินาที่นำโดย Lionel Messi กับทีมชาติฝรั่งเศสที่นำโดย Kylian Mbappé .
Photo Reuters, KCNA, AFP