การจัดแสดง ย้อนอดีตแห่งความทรงจำเกี่ยวกับสงครามและความเป็นมนุษย์อันสูงส่ง

(VOVWORLD) -การจัดแสดงเชิงวิชาการภายใต้หัวข้อ “ย้อนอดีตแห่งความทรงจำ” ณ เรือนจำหวาหล่อเนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 45 ปีวันชัยชนะของยุทธนาการเดียนเบียนฟูกลางเวหาในกรุงฮานอยเมื่อเดือนธันวาคมปี 1972 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้ผู้ชมมีความความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับความรุนแรงของสงครามเพื่อมีส่วนร่วมสร้างสรรค์โลกที่สันติภาพ
การจัดแสดง ย้อนอดีตแห่งความทรงจำเกี่ยวกับสงครามและความเป็นมนุษย์อันสูงส่ง - ảnh 1 ย้อนอดีตแห่งความทรงจำ

“การมาชมงานนี้ทำให้ดิฉันรู้สึกซาบซึ้งใจเมื่อได้ดูภาพและรับทราบเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับสงครามระหว่างเวียดนามกับสหรัฐอเมริกาในอดีต จากภาพถ่ายเหล่านี้ก็ช่วยให้ดิฉันเข้าใจได้ดีเกี่ยวกับบริบทของสงคราม”

นี่คือความคิดเห็นของคุณเหงียนถิฮวาลี้ จากเขตด๊งดา กรุงฮานอยในขณะที่ชมการจัดแสดง“ย้อนอดีตแห่งความทรงจำ” ในโซนแรกที่ใช้ชื่อว่า “เผชิญหน้ากับเครื่องบิน บี – 52” ภาพภ่ายโรงพยาบาลแบกมาย ถนนเคิมเทียนอำเภอเมืองเอียนเวียนในกรุงฮานอย จังหวัดท้ายเหงียน สะพานห่ามหร่งในจังหวัดภาคกลางแทงฮว้าและนครไฮฟองใน 12 วันคืนที่สหรัฐอเมริกาถล่มระเบิด โดยเฉพาะการจำลองบรรยากาศยุทธนาการเดียนเบียนฟูกลางเวลาของกรุงฮานอยที่ลานของเรือนจำหวาหล่อด้วยร่องรอยของบ้านที่ถูกระเบิดทำลายไปกว่าครึ่ง อุโมงหลบภัยส่วนตัวที่ปูฟางข้าวปิดข้างบน รวมไปถึงภาพถ่ายชีวิตความเป็นอยู่ การต่อสู้และชัยชนะของคนฮานอยนั้นเสมือนได้นำผู้ชมกลับเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งสงครามอันดุเดือดเมื่อกว่า 40 ปีก่อน

ในโซนแสดงเกี่ยวกับ “โรงแรม Hilton – ฮานอย” คุณ Steve Krenz ทหารผ่านศึกอเมริกันในสงครามเวียดนามช่วงปี 1964 1965 และ 1966 กลั้นน้ำตาไม่อยู่เมื่อได้เห็นเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความเป็นมนุษย์ โดยเฉพาะการดูแลและปกป้องนักบินอเมริกัน นี่คือเรื่องที่ถูกเล่าผ่านภาพถ่ายจากนักบินอเมริกันที่เคยถูกควบคุมตัวในเรือนจำแห่งนี้ เช่น เรือโท Everett Alvarez Jr นักบินคนแรกที่ถูกยิงตกในภาคเหนือเวียดนาม นาวาโท Walter Eugene Wilber นักบินเครื่องบิน F -4J ที่ถูกยิงตกในจังหวัดเหงะอานเมื่อปี 1968 เป็นต้น คุณ Steve Krenz แสดงความคิดเห็นว่า “ผมเคยเข้าร่วมสงครามในเวียดนาม สำหรับเรื่องนี้ก็มีการมองในสองแง่มุม คือของชาวท้องถิ่นและของผู้ที่เข้าร่วมสงคราม ผมถูกบังคับให้เข้าร่วมสงครามในเวียดนาม เวลาจะช่วยบรรเทาบาดแผลและความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐจะนับวันใกล้ชิดและดีขึ้นเรื่อยๆ”

ในโซน “วันกลับ” จัดแสดงภาพถ่ายและสิ่งของวัตถุเกี่ยวกับการที่รัฐบาลเวียดนามกับรัฐบาลสหรัฐแลกเปลี่ยนเชลยศึกตามข้อตกลงปารีสเกี่ยวกับการยุติสงคราม นำสันติภาพมาให้แก่เวียดนามที่ได้รับการลงนามเมื่อวันที่ 27 มกราคมปี 1973 นั่นคือภาพถ่ายที่สะท้อนให้เห็นความปลึ้มปิติยินดี ความซาบซึ้งและน้ำตาแห่งความสุขเนื่องจากได้กลับอยู่ในอ้อมกอดของเพื่อนและครอบครัว ซึ่งสิ่งที่ภาพเหล่านี้บ่งบอกคือเรื่องราวที่ซาบซึ้งตรึงใจเกี่ยวกับความรักของสามีภรรยา ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูกในวันชุมนุมกับครอบครัวตามข้อตกลงปารีส นาย David Burley ซึ่งคุณพ่อเข้าร่วมสงครามในเวียดนามช่วงปี 1966-1967 เผยว่า “ผมดีใจมากที่ได้มาชมการจัดแสดงนี้ คุณพ่อของผมเคยเข้าร่วมสงครามในเวียดนามแต่เมื่อมาที่นี่ผมเห็นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างก็แตกต่างกับสิ่งที่ผมได้ทราบ”

การจัดแสดง ย้อนอดีตแห่งความทรงจำเกี่ยวกับสงครามและความเป็นมนุษย์อันสูงส่ง - ảnh 2

ในโซนสุดท้าย “สร้างสรรค์อนาคต” ผู้ชมจะได้เห็นถึงความคาดหวังเกี่ยวกับสันติภาพของประชาชนเวียดนาม พร้อมทั้งความปรารถนาที่จะปิดฉากอดีตเพื่อมุ่งสู่อนาคต นับตั้งแต่ปี 1973 รัฐบาลเวียดนามได้เป็นฝ่ายรุกในการค้นหาและส่งมอบอัฐิของทหารสหรัฐที่สูญหายในสงครามเวียดนามและเมื่อปี 1989 รัฐบาลสหรัฐได้เริ่มประสานงานกับเวียดนาในกิจกรรมดังกล่าว ถึงแม้ “การกลับบ้าน”นี้ไม่สมบูรณ์แต่ก็ได้ช่วยสมานแผลและความเศร้าใจจากสงคราม คุณเหงียนก๊วกถิง ผู้ชมคนหนึ่งเผยว่า “ในอดีต เพื่อนของผมเป็นผู้ที่ดูแลเชลยศึกที่นี่ เชลยศึกอเมริกันได้รับการดูแลอย่างมีมนุษยธรรม จึงรู้สึกซาบซึ้งใจมาก มาที่นี่ผมเห็นถึงนโยบายแห่งมนุษยธรรมของรัฐบาลเวีดนาม ดังนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐในปัจจุบันจึงดีมาก”

45 ปีได้ผ่านพ้นไป ประชาชนเวียดนามยังพร้อมให้การต้อนรับชาวอเมริกันที่ใฝ่สันติ การจัดแสดง “ย้อนอดีตแห่งความทรงจำ” สะท้อนความคาดหวังเกี่ยวกับสันติภาพของประชาชนจะช่วยให้ประชาชนเวียดนามมีความภาคภูมิใจมากขึ้นเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การต่อสู้ปกป้องประเทศและเป็นโอกาสให้ทหารผ่านศึกสหรัฐได้ย้อนอดีตแห่งความทรงจำในชีวิตเพื่อร่วมมือกับประชาชนเวียดนามสร้างสรรค์ชีวิตที่สันติสุข.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด