บริษัทผลิตและให้บริการกาแฟ Cavalry Coffee จำกัด ( cavalry.vn)

นาย เลวันเลืองจากหมู่บ้าน ถวนอาน ตำบล ยวีเหงียะ อำเภอยวีเซวียน จังหวัดกว๋างนาม เคยไปหางานทำในจังหวัดต่างๆในภาคใต้เวียดนาม แต่เงินเดือนที่ได้รับน้อยมากจนไม่พอสำหรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ทำให้เขาได้ตัดสินใจกลับบ้านเกิดเพื่อสร้างฐานะ โดยเมื่อปี 2009 เขาและเพื่อนคนหนึ่งได้ร่วมกันลงทุนเปิดร้านกาแฟด้วยความหวังว่าจะสร้างรายได้ที่มั่นคง ซึ่งร้านกาแฟของเขาก็พัฒนาอย่างต่อเนื่องและทำให้เกิดความคิดใหม่ในการทำธุรกิจนั่นก็คือการเปิดโรงงานผลิตกาแฟปลอดสารพิษโดยใช้ผลผลิตกาแฟของชนกลุ่มน้อยเผ่าต่างๆในจังหวัดดั๊กลั๊ก เขาได้ก่อตั้งบริษัทผลิตและให้บริการกาแฟ Cavalry Coffee จำกัด ในตำบลยวีเหงียะ อำเภอ ยวีเซวียน ซึ่งเพื่อให้มีแหล่งจัดสรรกาแฟปลอดสารพิษที่ยั่งยืน นางเลืองได้ร่วมมือกับไร่กาแฟต่างๆในจังหวัดดั๊กลั๊กเพื่อนำกาแฟดิบมาคั่วและแปรรูปเอง โดยแต่ละเดือนขายได้ประมาณ 2 ตัน ซึ่งส่วนใหญ่จำหน่ายในนครโฮจิมินห์ นครดานังและจังหวัดกว๋างบิ่งห์ “ผมพยายามสร้างแรงบัลดาลใจให้เยาวชนรุ่นใหม่ในท้องถิ่นทำธุรกิจสตาร์ทอัพ สร้างรูปแบบดีที่ที่ทำเพื่อชุมชนมากขึ้น นอกจากนี้ ผมได้สร้างงานทำที่มั่นคงให้แก่เยาวชนในท้องถิ่นอีกด้วย”

ส่วนนาง เจิ่นถิหงอกจาง ในหมู่บ้านทีถาย ตำบลยวีแถ่ง อำเภอ ยวีเซวียน เริ่มทำธุรกิจหลังจากเรียนจบจากประเทศญี่ปุ่นด้วยการทำธุรกิจการท่องเที่ยวชุมชน โดยเธอได้ปรับปรุงทุ่งดอกบัวของครอบครัวให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถพายเรือชมความงามของดอกบัวได้อย่างใกล้ชิด ในตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ถึงแม้การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ได้ส่งผลกระทบเป็นอย่างมากแต่ทุ่งดอกบัวของเธอยังคงได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวในอำเภอ ควบคู่กับการจัดทัวร์ให้แก่นักท่องเที่ยว เธอได้ปลูกดอกไม้ชนิดอื่นๆเพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่นักท่องเที่ยวเมื่อมา check-in ที่นี่ ราคาค่าเข้าอยู่ที่ 3 หมื่นด่งต่อคนซึ่งราคานี้รวมน้ำดื่ม จุดแวะพักและสามารถเลือกซื้อเม็ดบัวถ้าหากต้องการ “หลังเรียนจบจากญี่ปุ่น ฉันได้กลับบ้านทำธุรกิจสตาร์ทอัพด้านการท่องเที่ยว เมื่อนักท่องเที่ยวมาที่นี่สามารถพักผ่อนที่สวนมะพร้าว พายเรือในทุ่งดอกบัวหรือเดินชมสวนดอกไม้ของเรา ในฤดูท่องเที่ยวมีนักท่องเที่ยวเยอะมาก เยาวชนหลายคนได้มาถามฉันเกี่ยวกับวิธีการทำธุรกิจสตาร์ทอัพ ซึ่งฉันก็ยินดีถ่ายทอดประสบการณ์ให้เพื่อช่วยให้พวกเขามีงานทำที่มั่นคง”

นาง ฝ่ามถิแทง เลขาธิการกองเยาวชนสาขาจังหวัดกว๋างนาม (tienphong.vn)

ปัจจุบันนี้ ที่จังหวัดกว๋างนาม มีสถานประกอบการ กลุ่มสถานประกอบการและสหกรณ์ประมาณ 500 แห่งที่เป็นโครงการสตาร์ทอัพของเยาวชน ส่วนทางการจังหวัดฯก็จัดทำกองทุนสตาร์ทอัพมูลค่า 5 หมื่นล้านด่งและจัดตั้งสโมสรเยาวชนลงทุนสตาร์ทอัพเพื่อสนับสนุนแผนการทำธุรกิจสตาร์ทอัพของเยาวชนรุ่นใหม่

นาง ฝ่ามถิแทง เลขาธิการกองเยาวชนสาขาจังหวัดกว๋างนามได้เผยว่า รูปแบบการทำธุรกิจสตาร์ทอัพของเยาวชนหลายรูปแบบได้ประสบความสำเร็จ ซึ่งสร้างรายได้และงานทำให้แก่แรงงานที่เป็นเยาวชนในเขตชนบทและเขตเขานับพันคน “ปัจจุบันนี้ เยาวชนได้ปฏิบัติรูปแบบพัฒนาเศรษฐกิจต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีส่วนร่วมไม่น้อยต่อกระบวนการสร้างสรรค์ชนบทใหม่และแก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืนในท้องถิ่น กองเยาวชนฯ ได้ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการทำธุรกิจสตาร์ทอัพแก่เยาวชน ผลักดันการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อสร้างบรรยากาศที่เอื้อให้เยาวชนสามารถฟันฝ่าอุปสรรคสร้างฐานะที่มั่นคงและพัฒนาท้องถิ่นให้เจริญรุ่งเรือง”

จังหวัดกว๋างนามติดอันดับที่ 4 ในภาคกลาง – เขตที่ราบสูงเตยเงวียนและติดกลุ่มจังหวัดนำหน้าในการปฏิบัติโครงการทำธุรกิจสตาร์ทอัพนวัตกรรมของรัฐบาล การที่ในจังหวัดนับวันมีเยาวชนประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจสตาร์ทอัพกำลังและจะช่วยให้เศรษฐกิจของจังหวัดพัฒนามากขึ้นและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น.