นโยบายด้านการศึกษายังคงเป็นนโยบายสำคัญอันดับแรกในศักราชแห่งการผงาด

(VOVWORLD) - ในประวัติศาสตร์ของเวียดนาม การศึกษามีบทบาทสำคัญพิเศษต่อการพัฒนาแบบก้าวกระโดดของประชาชาติเวียดนาม ในสภาวการณ์ที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงเชิงยุทธศาสตร์ การแข่งขันด้านคุณภาพของแหล่งบุคลากรถือเป็นปัจจัยชี้ขาดต่อโอกาสการพัฒนาของแต่ละประเทศ ซึ่งทำให้การศึกษานับวันมีความสำคัญอย่างยิ่งและยังคงเป็นนโยบายสำคัญอันดับแรกเมื่อเวียดนามย่างเข้าสู่ศักราชแห่งการผงาด ซึ่งนี่คือคำยืนยันของบรรดาผู้นำเวียดนามในโอกาสรำลึกวันครูเวียดนาม 20 พฤศจิกายน
นโยบายด้านการศึกษายังคงเป็นนโยบายสำคัญอันดับแรกในศักราชแห่งการผงาด - ảnh 1 เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิมกล่าวปราศรัยในการพบปะกับตัวแทนครูอาจารย์และเจ้าหน้าที่บริหารการศึกษาดีเด่นเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน

เพื่อปรับตัวให้เข้ากับระยะการพัฒนาใหม่ การศึกษาเวียดนามต้องเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างเคร่งครัดและกว้างลึกเพื่อยกระดับคุณภาพ พัฒนามนุษย์ในทุกด้านและฝึกอบรมแหล่งบุคลากรที่มีคุณภาพสูง

บทบาทสำคัญพิเศษต่อการพัฒนาแบบก้าวกระโดดของประชาชาติ

หลังจากสถาปนาประเทศ พรรคและรัฐเวียดนามได้ให้ความเอาใจใส่เป็นพิเศษและมีแนวทาง นโยบายสำหรับการศึกษา โดยถือเป็นการลงทุนที่สำคัญที่สุดเพื่อการพัฒนา ซึ่งในการประชุมนัดแรกของรัฐบาลเฉพาะกาลเมื่อปี 1945 ประธานโฮจิมินห์ได้เสนอให้เปิดการรณรงค์ขจัดความไม่รู้หนังสือเพราะ “ประชาชาติที่ไม่รู้หนังสือคือประชาชาติที่อ่อนแอ” โดยเมื่อวันที่ 8 กันยายน ปี 1945 ได้มีการจัดตั้งสำนักงานขจัดความไม่รู้หนังสือ ซึ่งการปฏิบัติขบวนการขจัดความไม่รู้หนังสือด้วยนโยบายเรียนฟรีของพรรคภายใต้การนำของประธานโฮจิมินห์ในตลอด 20 ปีได้ช่วยให้สามารถขจัดความไม่รู้หนังสือในเขตที่ราบลุ่ม เขตเขาและภูดอยในภาคเหนือเวียดนาม อันเป็นการแก้ไขปัญหาการปกครองของนักล่าเมืองขึ้นฝรั่งเศสที่ไม่ส่งเสริมการศึกษาเพื่อกดขี่ขูดรีดประชาชนเวียดนาม

ทั้งนี้ อาจกล่าวได้ว่า ผลสำเร็จของการขจัดความไม่รู้หนังสือเป็นพื้นฐานที่สำคัญเพื่อให้การปฏิวัติเวียดนามประสบความสำเร็จ ปลดปล่อยประชาชาติ รวมประเทศเป็นเอกภาพและบรรลุผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ภายหลังปฏิบัติภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศมาเกือบ 40 ปี เช่น การส่งเด็กที่มีอายุถึงเกณฑ์การศึกษาภาคบังคับเข้าเรียนในสถานศึกษาที่จัดการศึกษาภาคบังคับทั้งหมด การส่งเสริมการศึกษาภาคบังคับระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้น การเปลี่ยนแปลงใหม่การศึกษาตามความต้องการของตลาดแรงงานและมีมหาวิทยาลัยของเวียดนามที่ติดอันดับในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยในภูมิภาคและโลกมากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน มหาวิทยาลัยกว่า 240 แห่งของเวียดนามมีผู้เชี่ยวชาญและคณะวิชาเกือบทุกสาขา รวมถึงวิชาใหม่ๆ ที่มีสอนในต่างประเทศ

เวียดนามจะไม่อยู่นอกแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงใหม่การศึกษาของโลก

การปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 การสร้างสรรค์เศรษฐกิจฐานความรู้และสังคมแห่งการเรียนรู้ได้ส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงใหม่การศึกษาให้เป็นแนวโน้มระดับโลก ซึ่งเวียดนามจะไม่อยู่นอกแนวโน้มนี้ โดยต้องมีแหล่งบุคลากรที่มีคุณภาพสูง โดยเฉพาะแหล่งบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและอุตสาหกรรมใหม่ๆที่สร้างความได้เปรียบและเพิ่มขีดสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก โดยในการพบปะกับตัวแทนครูอาจารย์และเจ้าหน้าที่บริหารการศึกษาดีเด่นเมื่อวันที่ 18  พฤศจิกายน ณ กรุงฮานอย เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม ได้ย้ำว่า

เป้าหมายสูงสุดคือปฏิบัติภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่การศึกษาให้ประสบความสำเร็จ อบรมแหล่งบุคลากรสำหรับการสร้างสรรค์และพิทักษ์รักษาปิตุภูมิในศักราชแห่งการผงาดของประชาชาติในวาระของการประชุมสมัชชาใหญ่สมัยที่ 14 โดยเน้นให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ ต่อการสร้างมนุษย์สังคมนิยม การพัฒนาบุคลิกภาพ คุณธรรม วิถีชีวิต การปฏิบัติตามกฎหมายและหน้าที่ของพลเมือง ความเข้าใจคุณค่าทางวัฒนธรรม เกียรติประวัติของประชาชาติ ความดีเลิศของวัฒนธรรมโลก คุณค่าของลัทธิมากซ์-เลนิน แนวคิดโฮจิมินห์ หลักนโยบายและแนวทางของพรรค”

เวียดนามมุ่งมั่นจนถึงปี 2030 จะพัฒนาเป็น 1 ใน 3 ประเทศอาเซียนที่ประกาศผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์และมีดัชนีผลกระทบการอ้างอิงของวารสารวิชาการมากที่สุด มีมหาวิทยาลัยติดท็อป 100 มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก ซึ่งควบคู่กับการขจัดความไม่รู้หนังสือในเขตทุรกันดาร เขตที่อยู่ห่างไกลความเจริญและเขตชนกลุ่มน้อย เวียดนามควรเปิดการรณรงค์การขจัดความไม่รู้หนังสือดิจิทัล โดยกรมการเมืองพรรคจะระบุเนื้อหานี้ในมติเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลระดับชาติ ซึ่งเพื่อปฏิบัติมตินี้ให้ประสบความสำเร็จ ต้องเร่งเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนด้านดิจิทัลให้แก่ประชาชนอย่างกว้างขวาง โดยรัฐจะจัดงบอย่างน้อยร้อยละ 20 สำหรับปฏิบัติเป้าหมายนี้

นโยบายด้านการศึกษายังคงเป็นนโยบายสำคัญอันดับแรกในศักราชแห่งการผงาด - ảnh 2การประชุมคณะกรรมการแห่งชาติเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงใหม่การศึกษาและฝึกอบรมปี 2024 

ก่อนหน้านั้น ในการประชุมคณะกรรมการแห่งชาติเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงใหม่การศึกษาและฝึกอบรมปี 2024 เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ชี้ชัดว่า ต้องพัฒนาการศึกษาให้ตามทันประเทศพัฒนาให้เร็วที่สุด

“ต้องประกาศนโยบายด้านการศึกษาและฝึกอบรมอย่างรวดเร็ว สามารถปฏิบัติได้ ทันการณ์และมีประสิทธิภาพ ถือการศึกษาและฝึกอบรมและการพัฒนานวัตกรรมเป็นพื้นฐานของการพัฒนา ส่งเสริมความคาดหวังเกี่ยวกับการพัฒนาการศึกษาให้ทัดเทียมและตามทันประเทศพัฒนาให้เร็วที่สุดบนพื้นฐานของการพึ่งตนเอง ความเชื่อมั่นและความภาคภูมิใจในชาติ ต้องเดินถูกทิศทางในการผสมผสานและปฏิบัติแนวโน้มที่สำคัญในโลก ส่งเสริมพลังที่เข้มแข็งของประชาชาติผสานกับแนวโน้มด้านการศึกษาของยุคสมัย”

ทั้งนี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์คือนำประเทศก้าวไปสู่ยุคแห่งการพัฒนาเจริญรุ่งเรืองในโอกาสครบรอบ 100 ปีวันก่อตั้งพรรคและ100 ปีการก่อตั้งประเทศ การเปลี่ยนแปลงใหม่การศึกษาและฝึกอบรมถือเป็นหน้าที่และมาตรการเชิงยุทธศาสตร์ของการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่ 14 ช่วยสร้างนิมิตหมายใหม่ในศักราชแห่งการผงาดของประชาชาติ.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด