กระชับความสัมพันธ์มิตรภาพและความร่วมมือในหลายด้านระหว่างเวียดนามกับลักเซมเบิร์ก

(VOVWORLD) -หลังพิธีต้อนรับเช้าวันที่ 4 พฤษภาคม ณ กรุงฮานอย นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้มีการเจรจากับนายกรัฐมนตรีลักเซมเบิร์ก ซาวีเยร์ เบตแตล
กระชับความสัมพันธ์มิตรภาพและความร่วมมือในหลายด้านระหว่างเวียดนามกับลักเซมเบิร์ก - ảnh 1  นายกรัฐมนตรีลักเซมเบิร์ก ซาวีเยร์ เบตแตลและนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง (Photo: VGP)

ในการนี้ นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ประเมินว่า การเยือนครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรีซาวีเยร์ เบตแตล มีความหมายที่สำคัญ โดยเฉพาะในสภาวการณ์ที่ทั้งสองประเทศกำลังรำลึกครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เป็นการยืนยันความปราราถนาและความตั้งใจของทั้งสองฝ่ายในการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีให้เข้าสู่ส่วนลึก มีประสิทธิภาพและจริงจังมากขึ้น พร้อมทั้งชื่นชมก้าวพัฒนาในการแลกเปลี่ยนทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะด้านการลงทุน ซึ่งลักเซมเบิร์กเป็นนักลงทุนรายใหญ่อันดับสามของยุโรปในเวียดนาม รวมยอดเงินลงทุนอยู่ที่ 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนนายกรัฐมนตรีลักเซมเบิร์กได้เห็นพ้องที่จะส่งเสริมให้สหภาพยุโรปให้สัตยาบันข้อตกลงคุ้มครองการลงทุนระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรปหรือ EVIPA  สนับสนุนการผลักดันความร่วมมือระหว่างอียูกับเวียดนามเกี่ยวกับการพัฒนาอาชีพประมงอย่างยั่งยืนและการให้คณะกรรมาธิการยุโรปยกเลิกใบเหลืองต่อสัตว์น้ำเวียดนาม  นายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศได้เห็นพ้องเกี่ยวกับมาตรการส่งเสริมความไว้วางใจทางการเมืองและกระชับความสัมพันธ์มิตรภาพและความร่วมมือในหลายด้านระหว่างสองประเทศ วิจัยการจัดตั้งกลไกความร่วมมือใหม่ที่สอดคล้องกับศักยภาพ ความต้องการร่วมมือและพัฒนาระหว่างสองประเทศ ปฏิบัติข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับอียูอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่างๆ เช่น วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โทรคมนาคม การรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น พร้อมทั้งยืนยันว่า จะประสานงานและสนับสนุนกันในฟอรั่มพหุภาคีและองค์การระหว่างประเทศเพื่อมีส่วนร่วมต่อการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาในภูมิภาคและโลก

สำหรับปัญหาทะเลตะวันออก ทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันอีกครั้งถึงความสำคัญของการค้ำประกันสันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัยและเสรีภาพในการเดินเรือและการบินในทะเลตะวันออก ไม่ใช้หรือข่มขู่ที่จะใช้กำลัง การแก้ไขปัญหาการพิพาทด้วยสันติวิธี สอดคล้องกับกฎหมายสากล โดยเฉพาะอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 สนับสนุนการจัดทำร่างระเบียบการปฏิบัติต่อกันในทะเลตะวันออก หรือซีโอซีโดยเร็ว

หลังการเจรจา นายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศได้เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามเอกสารความร่วมือในด้านการเงิน โดยเฉพาะข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ด้านการเงินแห่งสีเขียวระหว่างกระทรวงการคลังของทั้งสองประเทศ.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด