เมื่อปี 2015 เลขาธิการใหญ่พรรค เหงวียนฟู้จ่อง ได้เดินทางไปเยือนสหรัฐตามคำเชิญของทางการประธานาธิบดี บารัค โอบามา จากการเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในการจัดการเยือนนี้ เอกอัครราชทูต Ted Osius ได้ยืนยันว่า การเยือนครั้งนั้นของเลขาธิการใหญ่พรรค เหงวียนฟู้จ่อง มีความหมายทางประวัติศาสตร์ต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเพราะนี่เป็นการเยือนสหรัฐครั้งแรกของเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ในกรอบการเยือน ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ได้ให้การต้อนรับและเจรจากับเลขาธิการใหญ่พรรค เหงวียนฟู้จ่อง ณ ทำเนียบขาว ทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันว่า ให้ความเคารพระบบการเมืองของกัน ซึ่งเป็นพื้นฐานเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีและยกระดับเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านในปัจจุบัน

“ในความสัมพันธ์กับสหรัฐ เวียดนามได้ยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นเป็นหุ้นส่วนในทุกด้านเมื่อปี 2013 และภายหลัง 1 ทศวรรษ ในกรอบการเยือนเวียดนามของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ตามคำเชิญของเลขาธิการใหญ่พรรค เหงวียนฟู้จ่อง ทั้งสองฝ่ายได้ยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้าน ซึ่งการนำของเลขาธิการใหญ่พรรค เหงวียนฟู้จ่อง ส่งผลดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐ”

สำหรับส่วนอุทิศของเลขาธิการใหญ่พรรค เหงวียนฟู้จ่อง ต่อภารกิจการพัฒนาประเทศและการผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับประเทศต่างๆ ในโลก เอกอัครราชทูต Ted Osius เผยว่า

“ในการดำรงตำแหน่งเป็นเวลาเกือบ 14 ปีของเลขาธิการใหญ่พรรค เหงวียนฟู้จ่อง  เวียดนามได้ผสมผสานเข้ากับกระแสเศรษฐกิจโลก อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเวียดนามในปีนี้อยู่ที่กว่าร้อยละ 6.5  เวียดนามเป็นศูนย์กลางของเครือข่ายความสัมพันธ์ด้านการค้าและนับวันเจริญรุ่งเรือง  ชนชั้นกลางกำลังพัฒนา ความสัมพันธ์ด้านการค้ากับสหรัฐนับวันพัฒนาในขณะที่การลงทุนจากสหรัฐ ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลีและประเทศอื่นๆนับวันเพิ่มขึ้น เลขาธิการใหญ่พรรค เหงวียนฟู้จ่อง ได้ทิ้งมรดกไว้ให้คือประเทศเวียดนามที่เจริญรุ่งเรือง”.