นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง เข้าร่วมการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 42

ในการนี้ ผู้นำประเทศต่างๆ ได้แสดงการสนับสนุนและย้ำถึงความหมายเชิงยุทธศาสตร์ของหัวข้อ “อาเซียนเป็นศูนย์กลาง สรรค์สร้างความเจริญ” (ASEAN Matters: Epicentrum of Growth) ให้คำมั่นเกี่ยวกับการผสมผสานเข้ากับกระแสเศรษฐกิจโลกของอาเซียน ส่งเสริมการค้าและการลงทุนภายในกลุ่ม ยกระดับทักษะความสามารถในการรักษาความมีเสถียรภาพด้านการเงิน ความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน เป็นต้น พร้อมทั้งอนุมัติปัจจัยสำคัญของ “วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนหลังปี 2025” กำหนดอนาคตของประชาคมอาเซียนภายใน 20 ปีข้างหน้า อนุมัติเอกสาร 10 ฉบับที่กำหนดแนวทางความร่วมมือของอาเซียนในด้านต่างๆ ออกแถลงการณ์ร่วมประณามการโจมตีใส่คณะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของศูนย์ประสานงานอาเซียนเพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการจัดการภัยพิบัติหรือ AHA และกลุ่มเฝ้าติดตามการสนับสนุนด้านมนุษยธรรมของอาเซียนในเมียนมาร์ เป็นต้น

ในการนี้ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ย้ำถึง 3 ปัจจัยชี้ขาดต่อการรักษาอัตลักษณ์ คุณค่า และชื่อเสียงของอาเซียนคือ ธำรงเอกราช การพึ่งตนเองเชิงยุทธศาสตร์ การพัฒนาเป็นศูนย์กลางของการขยายตัวและปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ความผันผวนจากภายนอกอย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนในสภาวการณ์ที่เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงมากมายและไร้เสถียรภาพ อาเซียนจำเป็นต้องขยายตลาดภายในกลุ่มเพื่อผลักดันการฟื้นฟูและพัฒนาอย่างยั่งยืน ดังนั้น ควรพยายามเจรจาเพื่อยกระดับความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าของอาเซียน และปฏิบัติโครงการเชื่อมโยงต่างๆในภูมิภาคอย่างพร้อมเพรียงและเคร่งครัด เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงใหม่ให้แก่บรรยากาศการลงทุน การประกอบธุรกิจและการท่องเที่ยว

นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้ง ยังเสนอให้หันมาสนใจมากขึ้นต่อการขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล รัฐบาลดิจิทัล เศรษฐกิจหมุนเวียนและผลักดันเครือข่ายต่างๆ ในด้านไฟฟ้า พลังงานหมุนเวียนและสร้างสรรค์แหล่งบุคลากรที่มีคุณภาพสูงในระยะยาว ตลอดจนยืนยันถึงเจตนารมณ์ของอาเซียนคือถือมนุษย์เป็นศูนย์กลาง เป็นเป้าหมายและพลังขับเคลื่อนในการสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียน เป็นต้น