การประชุมพัฒนาการท่องเที่ยวภาคกลางและเขตที่ราบสูงเตยเงวียน
(VOVWORLD) - เช้าวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ณ กรุงเก่าเว้ นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุ๊กได้เข้าร่วมการประชุมพัฒนาการท่องเที่ยวภาคกลางและเขตที่ราบสูงเตยเงวียน โยมีผู้แทนที่เป็นผู้บริหารกระทรวง หน่วยงาน ท้องถิ่น แข็กรับเชิญนานาประเทศและสถานประกอบการที่ประกอบธุรกิจด้านการท่องเที่ยวประมาณ 500 คนเข้าร่วม
การประชุมพัฒนาการท่องเที่ยวภาคกลางและเขตที่ราบสูงเตยเงวียน (Photo VGP)
|
ในการกล่าวปราศรัยต่กการประชุม รองศ.ดร. ฝ่ามจุงเลือง อดีตรองหัวหน้าสถาบันวิจัยการท่องเที่ยวเผยว่า ต้องมีการปฏิรูปผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวของภาคกลางและเขตที่ราบสูงเตยเงวียน “เราควรเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวในภาคกลางตามเขต ไม่ควรแยกแต่ละท้องถิ่น ซึ่งรวมทั้งผลิตภัณฑ์เฉพาะถิ่นแต่ยังให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆถึงการพัฒนาเขตตากอากาศริมฝั่งทะเลและเกาะแก่ง โดยเฉพาะเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ระดับหรูหรา”
ผู้แทนต่างๆยังเสนอว่า ควรพิจารณาการยกเว้นวีซ่าและมอบวีซ่าอิเล็กทรอนิกโดยเร็ซ เพราะปัจจุบันนี้ แม้เวียดนามได้ยกเว้นวีซ่าให้แก่พลเมืองของ 24 ประเทศในขณะที่ไทยได้ยกเว้นวีซ่าให้แก่พลเมือง 57 ประเทศ อินโดนีเซียคือ 168 ประเทศและมาเลเซียคือ 162 ประเทศ นอกจากนี้ ควรพัฒนาระบบการค้าเพื่อสนับสนุนนักท่องเที่ยว การบันเทิงในตอนกลางคืนและการท่องเที่ยวใต้ทะเล
ในการกล่าวปราศรัยในการประชุม นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุ๊ก ได้กำชับว่า จากความได้เปรียบในด้านการท่องเที่ยวเช่น มีริมฝั่งทะเลสวยงามยาวถึง 2,000 ก.ม. มีมรดกวัฒนธรรมโลก 11 รายการและเป็นสถานที่อาศัยอยู่ของชนกลุ่มน้อย 47 เผ่า ภาคกลางและเขตที่ราบสูงเตยเงวียนมีศักยภาพมากในการพัฒนาการท่องเที่ยว เช่น สถานพักตากอากาศ การท่องเที่ยวเกาะแก่งและทะเล การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เป็นต้น แต่สิ่งที่สำคัญคือต้องพัฒนาอย่างพร้อมเพรียงเพื่อให้มีความยั่งยืน.