การประชุมรัฐบาลประจำเดือนตุลาคม
(VOVWORLD) -เช้าวันที่ 30 ตุลาคม ได้มีการจัดการประชุมรัฐบาลประจำเดือนตุลาคมเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์การพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคมในรอบ 10 เดือนที่ผ่านมา รวมทั้ง การแก้ไขผลเสียหายจากเหตุน้ำท่วมและพายุในภาคกลาง
นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุกกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุม (Photo:VGP) |
ในการกล่าวปราศรัยเปิดการประชุม นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุกได้ชี้ชัดว่า ในเดือนตุลาคม ได้เกิดพายุและเหตุน้ำท่วมหลายครั้ง ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ในการนี้ นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุกและสมาชิกรัฐบาลได้ยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 1 นาทีเพื่อไว้อาลัยให้แก่ผู้เสียชีวิต 230 คน
ในการประชุม นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุกได้ชื่นชมคณะกรรมการชี้นำแห่งชาติเกี่ยวกับการป้องกันและรับมือภัยธรรมชาติ ตำรวจ ทหารและกองกำลังต่างๆในท้องถิ่นที่ได้อพยพประชาชน 1.3 ล้านคนไปยังเขตที่ปลอดภัยและปฏิบัติภารกิจกู้ภัยอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีส่วนช่วยลดความเสียหาย พร้อมทั้ง กำชับให้กองกำลังที่เกี่ยวข้องเร่งปฏิบัติงานด้านการกู้ภัยในอำเภอนามจ่ามี บริเวณโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำหร่าวจังหมายเลข 3 และบริเวณทะเลบิ่งดิ่งและแค้งหว่า อีกทั้ง อนุมัติงบประมาณ 5 แสนล้านด่งเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยใน 5 จังหวัดในภาคกลาง
นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุกยังกำชับให้กระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต่างๆ โดยเฉพาะ ท้องถิ่นที่ประสบอุปสรรคจากเหตุอุทกภัยฟันฝ่าอุปสรรคและพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย มีส่วนร่วมต่อเป้าหมายของประเทศคือเพิ่มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้อยู่ที่ร้อยละ 2-3 สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศ นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุกได้เผยว่า จำนวนสถานประกอบการที่จดทะเบียนใหม่เพิ่มสูงขึ้นและอัตราเงินเฟ้อได้รับการควบคุม ในเดือนตุลาคม เวียดนามได้ดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ มูลค่า 4.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมทั้งยืนยันอีกครั้งว่า รัฐบาลมีความตั้งใจในการปฏิบัติ 2 เป้าหมายพร้อมกันคือควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19ควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุกยังกำชับให้กระทรวง หน่วยงานและประชาชนต้องไม่ประมาท อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เชี่ยวชาญและนักลงทุนและการพาพลเมืองกลับประเทศ หน่วยงานสาธารณสุขต้องเตรียมความพร้อมเป็นอย่างดีเพื่อรับมือกรณีที่อาจเกิดขึ้น ผลักดันการฟื้นฟูเศรษฐกิจ แก้ไขอุปสรรคในการปฏิบัติโครงการด้านพลังงาน การกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศและผลักดันการส่งออกไปยังตลาดหลัก.