นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุกกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุม

นี่เป็นฟอรั่มเพื่อให้บรรดาผู้นำอาเซียนและประเทศหุ้นส่วนได้หารือกับภาคเอกชนเกี่ยวกับอนาคตของภูมิภาค ที่ประชุมเน้นหารือเกี่ยวกับ 4 หัวข้อได้แก่ ศักยภาพเศรษฐกิจอาเซียน แนวโน้มการลงทุนที่ค้ำประกันการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบของสังคมและการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีและอนาคตงานทำในอาเซียน การพัฒนาอย่างยั่งยืนและการพัฒนาในทุกด้าน

ในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุม นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุกได้ยืนยันว่า การเข้าร่วมของผู้นำอาเซียน หุ้นส่วนต่างๆและสถานประกอบการในภูมิภาคเป็นการแสดงให้เห็นถึงจิตใจแห่งความร่วมมือของรัฐบาลประเทศต่างๆและภาคเอกชนเพื่อร่วมกันสร้างสรรค์อาเซียนที่พัฒนาและเจริญรุ่งเรือง ในตลอดกว่า 5 ทศวรรษแห่งการพัฒนา อาเซียนได้กลายเป็นประชาคมเศรษฐกิจที่คล่องตัวและมีความคิดสร้างสรรค์ โดยมีประชากรว่า 630 ล้านคน อัตราจีดีพีในปี 2019 อยู่ที่กว่า 3.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งผลสำเร็จนี้มีส่วนร่วมของชมรมสถานประกอบการ แต่อย่างไรก็ดี ประชาชนในทั่วโลก โดยเฉพาะ อาเซียนกำลังต้องเผชิญกับวิกฤตโควิด –19 ซึ่งเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุกมีความเชื่อมั่นว่า การประชุมครั้งนี้จะเปิดโอกาสความร่วมมือและการพัฒนาอย่างยั่งยืนและรอบด้าน พร้อมทั้ง ชี้ชัดถึงความรับผิดชอบของเวียดนามต่อปัญหานี้ว่า “เวียดนามให้คำมั่นที่จะร่วมมือกับประเทศอาเซียนและประเทศหุ้นส่วนของอาเซียนเพื่อมีโครงการช่วยเหลือสถานประกอบการในภูมิภาค โดยเฉพาะ การปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล สิ่งแวดล้อม สังคมและการบริหาร  เป็นต้น ร่วมกันปฏิบัติเป้าหมายร่วมโดยถือประชาชนและสถานประกอบการเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา ใช้โอกาสใหม่จากการปรับเปลี่ยนห่วงโซอุปทานและกระแสการลงทุนที่หันมายังอาเซียน”

สำหรับมาตรการพัฒนาเศรษฐกิจอาเซียน นาย Aladdin D.Rillo  รองเลขาธิการอาเซียนที่ดูแลประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้ย้ำว่า “อาเซียนต้องพยายามฟันฝ่าอุปสรรคในปัจจุบัน โดยผลักดันความร่วมมือเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ มีมาตรการรับมือวิกฤตโควิด -19 ประเทศต่างๆต้องให้ความสนใจต่อการสงวนงบประมาณเพื่อขจัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด –19และฟื้นฟูเศรษฐกิจ”

ในการนี้ นายกรัฐมนตรีจีน มาเลเซียและรองเลขาธิการของสหประชาชาติได้มีบทปราศรัยเกี่ยวกับมาตรการรับมือโควิด –19.