การประชุมสุดยอดเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจในเวียดนาม
(VOVWORLD) -ในกรอบการประชุม WEF Asean 2018 ได้มีการจัดประชุมสุดยอดเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจในเวียดนาม โดยนายกฯเหงวียนซวนฟุกและประธานฟอรั่มเศรษฐกิจโลก บอร์ก แบรนเดอ เข้าร่วม
ในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุม นายกฯเหงวียนซวนฟุกได้ยืนยันว่า ผลสำเร็จของการประชุม WEF Asean 2018 ในเวียดนามได้สร้างภาพลักษณ์ที่งดงามเกี่ยวกับความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพระหว่างเศรษฐกิจโลกและเวียดนามเช่นเดียวกับประเทศอาเซียน ซึ่งการประชุมประชุมสุดยอดเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจในเวียดนามคือการสานต่อเพื่อแปรแนวทางนโยบายใหญ่ของ WEF Asean 2018ให้เป็นรูปธรรมในการพัฒนาเศรษฐกิจของเวียดนาม ซึ่งท่ามกลางความท้าทายต่างๆของการค้าโลกโดยเฉพาะลัทธิการคุ้มครองและสงครามการค้าที่คุกคามต่อแนวโน้มการค้าพหุภาคี เวียดนามยังยืนหยัดเชิดชูผลประโยชน์ของการค้าเสรีและตระหนักถึงโอกาสร่วมมือต่างๆ
“ทางฝ่ายรัฐบาล เวียดนามให้คำมั่นมีบทบาทเดินหน้าในการพัฒนาและพร้อมสนับสนุนสถานประกอบการต่างประเทศในการประกอบธุรกิจลงทุนที่เวียดนาม ในขณะเดียวกันเวียดนามก็มีความประสงค์ว่าบรรดาผู้ประกอบการต่างประเทศมีนโยบายที่เปิดกว้างมากขึ้นในการประกอบธุรกิจเพื่อเปิดโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการเวียดนามในการเข้าร่วมห่วงโซ่มูลค่าโลก ช่วยสนับสนุนการฝึกอบรมบุคลากรให้แก่เวียดนามและมีความเชื่อมั่นต่อผู้ประกอบการเวียดนาม เวียดนามไม่คาดหวังจะกลายเป็นผู้ที่เก่งที่สุดในห่วงโซ่นั้นหากอยากเป็นมิตรของผู้ที่เก่งที่สุดและเวียดนามมั่นใจว่าจะสามารถทำได้และปรารถนาที่จะพัฒนาเป็นประเทศที่เจริญรุ่งเรือง และเข้มแข็งเหมือนทุกประเทศทั่วโลก”
นายกฯเหงวียนซวนฟุกได้เผยว่า การที่เศรษฐกิจเวียดนามสามารถธำรงการขยายตัวในระดับสูงคือประมาณร้อยละ7ต่อปีท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลกของเวียดนามอยู่ลำดับที่55/137ประเทศ บรรยากาศการประกอบธุรกิจของเวียดนามอยู่อันดับที่68/190เศรษฐกิจ ตลอดจนกำลังเป็นฐานการผลิตประกอบธุรกิจของกว่า2หมื่น6พันสถานประกอบการเอฟดีไอรวมยอดเงินลงทุนกว่า3แสน3หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐจาก131หุ้นส่วนต่างประเทศซึ่งรวมถึงบริษัทชั้นนำระดับโลกนั้นได้แสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจต่อบรรยากาศการลงทุนในเวียดนาม
“ปัจจุบันเวียดนามเป็นภาคีในข้อตกลงการค้าเสรี เอฟทีเอ12ฉบับ ซึ่งเป็นเอฟทีเอกับอาเซียน6ฉบับและกับหุ้นส่วนสำคัญต่างๆเช่นจีน อินเดีย ญี่ปุ่น เป็นต้น ส่วนข้อตกลงซีพีทีพีพีก็กำลังอยู่ในระหว่างการให้สัตยาบัน ต่อจากนั้นข้อตกลงการค้าเสรีกับอียูและข้อตกลงอาซีอีพีกำลังได้รับการผลักดันเพื่อลงนามในปลายปีนี้ ซึ่งจะช่วยเปิดโอกาสเชื่อมโยงสำหรับกว่า50เศรษฐกิจในการเข้าร่วมห่วงโซ่มูลค่าและการผลิตโลก ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าถ้ามองจากเวียดนามออกไป ทุกท่านสามารถเห็นถึงโอกาสการเข้าถึงตลาดใหญ่ๆของโลกโดยเฉพาะสำหรับตลาดอาเซียน เวียดนามมีบทบาทเป็นประตูเข้าสู่อาเซียนที่สำคัญที่สุด พร้อมทั้งยังมีสถานะทางภูมิศาสตร์เชิงยุทธศาสตร์ที่เอื้อให้แก่ระบบห่วงโซ่อุปทานของโลกที่ใช่ว่าประเทศใดในโลกจะมีเหมือน”
ทั้งนี้ นายกฯเหงวียนซวนฟุกได้ย้ำว่า ความสำเร็จของบรรดานักลงทุนต่างชาติในการประกอบธุรกิจในเวียดนามก็คือความสำเร็จของรัฐบาลเวียดนาม.