ภาพของการเสวนา

ในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุม ดอกเตอร์ เลหายบิ่ง รองผู้อำนวยการสถาบันการทูตได้ยืนยันว่า การพัฒนาของอาเซียนในตลอดกว่า 50 ปีที่ผ่านมาเป็นการแสดงให้เห็นถึงรูปแบบความร่วมมือในภูมิภาค การพัฒนาของประชาคมอาเซียนบนพื้นฐานของผลสำเร็จที่ได้บรรลุและบทบาทที่สำคัญของอาเซียนต่อแต่ละประเทศสมาชิก ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้ง มหาสมุทรอินเดีย-เอเชีย-แปซิฟิก  ในสภาวการณ์ที่สถานการณ์ในภูมิภาคและโลกมีความผันผวนอย่างซับซ้อน โดยต้องเผชิญทั้งโอกาสและความท้าทายต่างๆ ซึ่งหน้าที่สำหรับประธานหมุนเวียนอาเซียนคือ ต้องทำอย่างไรเพื่อแก้ไขความท้าทายจากการใช้โอกาสและประสานงานกับประเทศสมาชิกอื่นๆเพื่อการพัฒนาของอาเซียน

ในการนี้ นาย กวี จงกิจถาวร ผู้เชี่ยวชาญสถาบันวิจัยความมั่นคงระหว่างประเทศสังกัดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เผยว่า หน้าที่ของเวียดนามในวาระดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปี 2020คือส่งเสริมความสามัคคีภายในกลุ่ม เสริมสร้างบทบาทการเป็นศูนย์กลางและผลักดันการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก  ส่วนนาย ฝามกวางวิง อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามได้ยืนยันถึงบทบาทของอาเซียนในการพัฒนาของแต่ละประเทศสมาชิกและภูมิภาค โดยเผยว่า อาเซียนได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆในนโยบายการต่างประเทศของเวียดนาม

  การเสวนาดังกล่าวได้มีขึ้นอย่างตรงไปตรงมาและจริงจัง บรรดาผู้แทนส่วนใหญ่เห็นพ้องกับจุดยืนที่ว่า อาเซียนกำลังต้องเผชิญกับทั้งความท้าทายและโอกาส ในสภาวการณ์นี้ เวียดนามได้รับการคาดหวังว่า จะส่งเสริมบทบาทการเป็นผู้นำ ความสามัคคีและความรับผิดชอบในวาระดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน 2020 เพื่อมีส่วนร่วมต่อการพัฒนาประชาคมอาเซียน.