ความทรงจำของวันแรกที่มีเอกราช

(VOVworld) – เมื่อวันที่ 2 กันยายนปี 1945 ณ จัตุรัสบาดิ่งห์ กรุงฮานอย ประธานโฮจิมินห์ได้อ่านปฏิญญาเอกราช อันเป็นการก่อตั้งประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของประชาชาติเวียดนาม นั่นคือยุคแห่งเอกราชและเสรีภาพ สำหรับชาวเวียดนามทุกคน วันแรกที่เป็นประชาชนของประเทศที่มีเอกราชคือความทรงจำยากที่จะลืมได้

ความทรงจำของวันแรกที่มีเอกราช - ảnh 1
สำหรับชาวเวียดนามทุกคน วันแรกที่เป็นประชาชนของประเทศที่มีเอกราชคือความทรงจำยากที่จะลืมได้


(VOVworld) – เมื่อวันที่ 2 กันยายนปี 1945 ณ จัตุรัสบาดิ่งห์ กรุงฮานอย ประธานโฮจิมินห์ได้อ่านปฏิญญาเอกราช อันเป็นการก่อตั้งประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของประชาชาติเวียดนาม นั่นคือยุคแห่งเอกราชและเสรีภาพ สำหรับชาวเวียดนามทุกคน วันแรกที่เป็นประชาชนของประเทศที่มีเอกราชคือความทรงจำยากที่จะลืมได้ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นพยานและได้ร่วมอยู่บรรยากาศของวันที่ 2 กันยายนปี 1945 ก็ไม่อาจลืมวินาทีแห่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญเมื่อประธานโฮจิมินห์อ่านปฏิญญาเอกราช
เทปอัดเสียงประธานโฮจิมินห์อ่านปฏิญญาเอกราช “ประเทศเวียดนามมีสิทธิ์มีเสรีภาพและเอกราช และก็ได้กลายเป็นประเทศที่มีเสรีภาพและเอกราชแล้ว ประชาชาติเวียดนามทุกชั้นชนตั้งใจที่จะใช้จิตใจและกำลัง ชีวิตและทรัพย์สินเพื่อรักษาเสรีภาพและเอกราชนั้นให้มั่นคง”
ในวันนั้น ตั้งแต่เช้าตรู่ ประชาชนในทุกสารทิศได้พากันเดินทางไปยังจัตุรัสบาดิ่งห์ มือถือธงสีแดงดาวเหลืองขนาดเล็ก หน้าตาเบิกบานเปี่ยมด้วยความสุขและรอยยิ้ม เพราะได้เข้าร่วมวันงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประชาชาติ นาย เลดึ๊กเวิน ที่เข้าร่วมงานที่จัตุรัสบาดิ่งได้เล่าถึงความทรงจำในตอนนั้นว่า“วันที่ 2 กันยายน ทั่วกรุงฮานอยมีบรรยากาศที่คึกคัก ทุกบ้านทำซุ้มต้อนรับ ตัดเย็บธงชาติเอง แล้วยังฝึกร้องเพลงแห่งการเดินทัพเตี๊ยนกวนกาและเพลงต่อต้านฟัสซิต มวลประชาชนมีความปลื้มปิติยินดีในการฉลองเอกราช รัฐบาลชุดใหม่และปฏิญญาเอกราช นี่ก็คือครั้งแรกที่ได้รู้จักประธานโฮจิมินห์ เพราะผมและทุกคนก็ไม่ทราบว่า ท่านคือใคร”
นาย เหงียนกวางฝ่อง อดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจของสำนักข่าวกรองกรุงฮานอยได้เผยว่า กองกำลังของสำนักข่าวกรองและตำรวจภาคเหนือรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับหน้าที่รักษาความปลอดภัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อยในพิธีชุมนุม ณ จัตุรัสบาดิ่งห์ “วันที่ 2 กันยายน พวกเรารับหน้าที่รักษาความปลอดภัยในพิธีชุมนุมและขบวนรถของประธานโฮจิมินห์ไปยังเวที ในช่วงนั้นไม่มีชุดยูนิฟอร์มสำหรับกองกำลังรักษาความมั่นคง ดังนั้นพวกเราจึงใส่เสื้อเชิ้ต ขี่รถจักรยานเพื่อคุ้มกันรถของท่านไปยังเวที”
สำหรับคุณป้า เลที ช่วงที่รู้สึกภาคภูมิใจที่สุดคือการได้เชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาในเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ของประชาชาติเมื่อกว่า 70 ปีก่อน  “ดิฉันก้าวขึ้นไปบนเวทีและรู้สึกประหม่ามาก เพราะไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้า ใกล้กับเวที ดิฉันกับผู้หญิงคนหนึ่งจูงมือกันก้าวขึ้นไปบนเวที เมื่อเพลงชาติ เตี๊ยนกวนกา บรรเลงขึ้น พวกเราก็ชักธงชาติขึ้นสู่ยอดเสา เมื่อเพลงชาติจบ ธงชาติก็โบกสะบัดกลางท้องฟ้าเหนือจัตุรัส พวกเราถอนหายใจและโล่งอก เพราะได้เสร็จสิ้นหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายไปด้วยดี”
แม้ผ่านมาแล้ว 70 ปี แต่ช่วงวันเวลาที่ประเทศเพิ่งได้รับการปลดปล่อย มีเอกราชและเสรีภาพยังคงเป็นความทรงจำที่สถิตอยู่ในใจของชาวเวียดนามทุกคนไปตลอดกาล.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด