เลขาธิการใหญ่พรรค ประธานประเทศ โตเลิม กล่าวปราศรัยในกิจกรรม

ในการนี้ เลขาธิการใหญ่พรรค ประธานประเทศ โตเลิม ได้สรุปผลความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในเวลาที่ผ่านมา และถือว่า นี่เป็นตัวอย่างของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเกี่ยวกับการสมานบาดแผลและสร้างสรรค์ความสัมพันธ์หลังสงคราม

“เมื่อ 30 ปีก่อน อาจไม่มีใครคิดว่า เวียดนามและสหรัฐสามารถฟันฝ่าความเจ็บปวดของสงครามเพื่อสร้างสรรค์และพัฒนาความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งและน่ายินดีเหมือนในปัจจุบัน แต่เราได้เห็นก้าวพัฒนาอย่างเข้มแข็งที่ไม่เคยมีมาก่อนเพื่อเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์จากการเป็นศัตรูมาเป็นเพื่อน แล้วเป็นหุ้นส่วนในทุกด้านในปี 2013 และต่อจากนั้น 10 ปีก็กลายเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้าน สองประเทศเราได้มีก้าวพัฒนาที่สำคัญเพื่อเพิ่มความรู้ระหว่างกัน สร้างสรรค์ความไว้วางใจกันและขยายความร่วมมือในทุกด้าน”

สำหรับการมุ่งสู่การรำลึกครบรอบ 30 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2025 เลขาธิการใหญ่พรรค ประธานประเทศ โตเลิม ได้เสนอว่า ทั้งสองฝ่ายควรผลักดันการประสานงานอย่างใกล้ชิดต่อไปเพื่อปฏิบัติแถลงการณ์ร่วมเวียดนาม – สหรัฐในปี 2023 ให้มีประสิทธิภาพ ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนเป็นความร่วมมือหลักและเป็นพลังขับเคลื่อน พร้อมทั้งแสดงความประสงค์ว่า จะนำความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นด้านที่มีลักษณะเชิงก้าวกระโดดของความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ โดยให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ ต่อการหาก้าวกระโดดในด้านใหม่ๆ เช่น เซมิคอนดักเตอร์  ปัญญาประดิษฐ์และการปรับเปลี่ยนแห่งสีเขียว

ในการกล่าวปราศรัยในกิจกรรมนี้ นาย John Kerry อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐได้ย้ำว่า จากความพยายามของผู้นำรุ่นต่างๆและประชาชนของทั้งสองประเทศ ปัจจุบันนี้ เวียดนามและสหรัฐไม่เพียงแต่มีวิธีการสมานบาดแผลสงครามเท่านั้น หากยังมอบโอกาสให้แก่คนรุ่นใหม่ของทั้งสองประเทศ ส่วน สว. Dan Sullivan ยืนยันว่า ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านเวียดนาม – สหรัฐได้รับการสนับสนุนจากสองพรรคใหญ่ของสหรัฐ ด้วยศักยภาพแห่งการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่และร่วมกันมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งต่อสันติภาพ ความมีเสถียรภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาในภูมิภาคและโลก.