ภาพการประชุม (VNA)

ในการประชุม ผู้แทนทุกคนได้ชื่นชมแนวทาง นโยบายและมาตรการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจสังคมที่พรรคฯ รัฐ สภาแห่งชาติและรัฐบาลได้ปฏิบัติ ซึ่งเป็นมาตรการที่ทันการณ์ ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ การจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 31 ที่ประสบความสำเร็จได้แสดงให้เห็นว่า เวียดนามมีความมั่นใจในการเปิดประเทศหลังจากที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งยื่นข้อเสนอต่างๆ เพื่อฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน นาย เจิ่นหว่างเงิน ผู้แทนสภาแห่งชาติของนครโฮจิมินห์ได้แสดงความคิดเห็นว่า

“รัฐบาลควรสร้างสรรค์ระบบมาตรการแก้ไขอย่างพร้อมเพรียงทั้งในระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาวเพื่อสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ โดยให้ความสนใจถึงสองปัจจัยที่สำคัญคือ ราคาน้ำมันและราคาอาหาร ซึ่งก่อนอื่นต้องปรับความมีเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาค ควบคุมภาวะเงินเฟ้อและรักษาสวัสดิการสังคม โดยรัฐบาลควรยื่นเสนอให้สภาแห่งชาติและคณะกรรมาธิการของสภาแห่งชาติพิจารณาการลดภาษีสิ่งแวดล้อม ภาษีสรรพสามิตและภาษีมูลค่าเพิ่มต่อสินค้าจำเป็น โดยเฉพาะน้ำมัน ควบคู่กันนั้นก็ต้องสนับสนุนการลดต้นทุนการผลิตให้แก่สถานประกอบการ เพิ่มการตรวจสอบและควบคุมราคา กำชับให้ปฏิบัติโครงการปรับความมีเสถียรภาพของราคาในท้องถิ่นต่างๆ เป็นต้น”

ส่วนนาง เหงียนถิเอี๊ยน ผู้แทนสภาแห่งชาติจากจังหวัดบ่าเหรียะ – หวุงเต่าได้เสนอว่า รัฐบาลควรผลักดันการปฏิบัติโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและ 3 โครงการเป้าหมายแห่งชาติเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การควบคุมภาวะเงินเฟ้อและค้ำประกันความสมดุลของเศรษฐกิจ

ส่วนนาย ฟานท้ายบิงห์ ผู้แทนสภาแห่งชาติจากจังหวัดกว๋างนาม ได้ย้ำถึงบทบาทที่สำคัญของตลาดเงินทุนและตลาดหลักทรัพย์ โดยชื่นชมการพัฒนาที่น่ายินดีของสองตลาดนี้ในเวลาที่ผ่านมาแต่ก็เสนอว่า เพื่อค้ำประกันให้ตลาดเหล่านี้พัฒนาอย่างมีเสถียรภาพและโปร่งใส รัฐบาลควรปรับปรุงระบบกฎหมายเกี่ยวกับที่ดินและภาษีให้มีความสมบูรณ์ โดยเฉพาะหลักการเกี่ยวกับการกำหนดราคาที่ดินตามราคาตลาดตามข้อกำหนดในกฎหมายที่ดิน

นาง เหงียนถิซวน ผู้แทนสภาแห่งชาติจังหวัดดั๊กลัก

ที่ประชุมยังหารือเกี่ยวกับการค้ำประกันสวัสดิการสังคมหลังวิกฤตโควิด -19 โดยนาง เหงียนถิซวน ผู้แทนสภาแห่งชาติจังหวัดดั๊กลัก ได้แสดงความสนใจเกี่ยวกับปัญหาเงินเดือนขั้นพื้นฐาน โดยกล่าวว่า การเพิ่มเงินเดือนขั้นพื้นฐานมักจะมีขึ้นในวันที่ 1 มกราคมทุกๆปี โดยแต่ละปี แรงงานจะมีเงินเดือนขั้นพื้นฐานเพิ่มประมาณร้อยละ 5-7 แต่ในปี 2020 และ 2021 การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ได้ส่งผลให้ไม่สามารถเพิ่มเงินเดือนขั้นพื้นฐาน รายได้ของแรงงานลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตของแรงงาน ดังนั้น ข้อเสนอเกี่ยวกับการเพิ่มเงินเดือนขั้นพื้นฐานตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมเป็นเรื่องที่ถูกต้องและจำเป็น ซึ่งขอให้รัฐบาลอนุมัติเพื่อตอบสนองความปรารถนาของแรงงานนับล้านคนในทั่วประเทศ

ส่วนนาง เหงียนถิมายทวา ผู้แทนสภาแห่งชาติจังหวัดหายเยืองได้ชื่นชมการให้ความสนใจของรัฐบาลและกระทรวงเกี่ยวกับการปกป้องสิทธิของเด็ก โดยในช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 เด็กๆ ได้รับการสนับสนุนผ่านนโยบายที่เป็นรูปธรรมต่างๆ.