ต้องสร้างสรรค์หลักปฏิบัติต่อกันเพื่อควบคุมปฏิบัติการของจีนในทะเลตะวันออก
(VOVworld) – สื่อมวลชน ผู้เชี่ยวชาญและนักการเมืองระหว่างประเทศได้แสดงความวิตกกังวลต่อปฏิบัติการ ที่สร้างความตึงเครียดในทะเลตะวันออกของจีนต่อไป
จีนต้องถอนแท่นขุดเจาะไหหยาง 981 ออกจากเขตเศรษฐกิจจำเพาะและไหล่ทวีปของเวียดนาม
|
(VOVworld) – สื่อมวลชน ผู้เชี่ยวชาญและนักการเมืองระหว่างประเทศได้แสดงความวิตกกังวลต่อปฏิบัติการที่สร้างความตึงเครียดในทะเลตะวันออกของจีนต่อไป
โดยเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ในการกล่าวปราศรัยเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของสหรัฐ ณ กรุงวอร์ชิงตัน นาง ซูซานไรซ์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐได้เรียกร้องให้สร้างสรรค์หลักปฏิบัติต่อกันเพื่อควบคุมปฏิบัติการของจีน ตามความเห็นของนาง ซูซานไรซ์ ความมั่นคงในภูมิภาคต้องได้รับการค้ำประกันบนพื้นฐานการกำหนดและธำรงหลักการเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนอวกาศซึ่งก็จะขัดขวางปฏิบัติการที่สร้างความตึงเครียดและการที่ประเทศมหาอำนาจสร้างความปั่นป่วนให้แก่ประเทศที่เล็กกว่าและสร้างโอกาสเพื่อแก้ไขการพิพาทอย่างสันติ
ในวันเดียวกัน ญี่ปุ่นและออสเตรเลียได้ออกแถลงการณ์ร่วมโดยย้ำถึงความสำคัญของการให้ความเคารพกฎหมายสากล เห็นพ้องคัดค้านทุกความพยายามเพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพที่เป็นอยู่ผ่านการใช้ความรุนแรง
นาย โรรี แมดคาล์ฟ ผู้อำนวยการโครงการความมั่นคงแห่งชาติสังกัดสถาบันนโยบายต่างประเทศโลวีของออสเตรเลียได้เตือนถึงแผนกุศโลบายของจีนในการก่อสร้างกิจการต่างๆบนหมู่เกาะเจื่องซาหรือสเปตรลีของเวียดนามอย่างผิดกฎหมายเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งทางทหารเพื่อให้การปรากฏตัวของจีนในเขตที่จีนอยากควบคุมกลายเป็นสิ่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
ในขณะเดียวกัน สื่อมวลชนโลกได้รายงานข่าวเกี่ยวกับท่าทีของประชามติเวียดนามเกี่ยวกับปัญหาในทะเลตะวันออกโดยเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน สำนักข่าวเอพีได้รายงานบทสัมภาษณ์สื่อมวลชนต่างประเทศเมื่อวันที่ 10 มิถุนายนของท่าน เลหว่ายจูง เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำสหประชาชาติโดยเรียกร้องให้จีนต้องถอนแท่นขุดเจาะไหหยาง 981 และเรือกว่า 100 ลำออกจากเขตเศรษฐกิจจำเพาะและไหล่ทวีปของเวียดนาม สร้างบรรยากาศที่สะดวกให้แก่การเจรจาเกี่ยวกับความขัดแย้งที่เกี่ยวข้องถึงทะเลตะวันออก ส่วนหนังสือพิมพ์อาร์เอสไอเอสคอมแมนตารีส์ (RSIS Commentaries) ของสถาบันวิจัยยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศเอส ราชารัตนัม(S.Rajaratman) สังกัดมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนานยาง ประเทศสิงคโปร์ได้ลงบทความที่พาดหัวว่า “หว่างซา: 40 ปีให้หลัง” (The Paracels: Forty years on) ของดร.เหงียนถี่ลานแอง รองหัวหน้าคณะบดีกฎหมายระหว่างประเทศสังกัดสถาบันการทูตเวียดนามโดยระบุว่า ปฏิบัติการของจีนที่ติดตั้งแท่นขุดเจาะไหหยาง 981 ในเขตเศรษฐกิจจำเพาะและไหล่ทวีปของเวียดนามไม่เพียงแต่สร้างการปะทะด้านอธิปไตยเท่านั้น หากที่ร้ายแรงกว่าก็คือสร้างการเผชิญหน้ากับกฎหมายทางทะเลสากลอีกด้วย ปฏิบัติการที่ละเมิดกฎหมายสากลของจีนไม่ใช่ปฏิบัติการของประเทศมหาอำนาจที่มีความรับผิดชอบบนเวทีโลก
ในขณะเดียวกัน คณะกรรมาธิการต่างประเทศของสภาล่างญี่ปุ่นอนุมัติมติที่เรียกร้องให้จีนใช้ความอดกลั้นในทะเลตะวันออก มติของสภาล่างญี่ปุ่นที่ได้รับการอนุมัติเมื่อวันที่ 11 มิถุนายนได้ระบุว่า การที่จีนสำรวจน้ำมันในบริเวณทะเลหมู่เกาะหว่างซาหรือพาราเซลแต่เพียงฝ่ายเดียวและประกาศเขตห้ามเรือเข้าออกได้ทำให้การพิพาทระหว่างเวียดนามกับจีนยืดเยื้อและทำให้สถานการณ์ในทะเลตะวันออกมีความตึงเครียดยิ่งขึ้น การที่จีนข่มขู่ ปลุกปั่นและใช้ความรุนแรงเพื่อยึดครองดินแดนและเขตน่านน้ำเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้
ในมติดังกล่าว คณะกรรมาธิการต่างประเทศของสภาล่างญี่ปุ่นได้ยืนยันว่า ไม่เพียงแต่ญี่ปุ่นเท่านั้นหากประชามติโลกยังให้ความสนใจถึงสันติภาพและเสถียรภาพในทะเลตะวันออกเช่นกัน พร้อมทั้งแสดงความเห็นว่า ต้องแก้ไขการพิพาทผ่านมาตรการที่สันติและการสนทนา คณะกรรมาธิการต่างประเทศของสภาล่างญี่ปุ่นเสนอให้รัฐบาลญี่ปุ่นผลักดันความร่วมมือกับสหรัฐและอาเซียนโดยเร็ว เรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องใช้ความอดกลั้นอย่างเต็มที่ต่อปฏิบัติการแต่เพียงฝ่ายเดียวที่สามารถทำให้สถานการณ์ทวีความตึงเครียดและต้องปฏิบัติตามกฎหมายสากล./.